Sideways Up เก็งกำไร MAJOR OR KKP (31 พ.ค. 65)

Sideways Up เก็งกำไร MAJOR OR KKP (31 พ.ค. 65)

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1,660 / 1,666 จุด แนวรับ 1,644 / 1,637 จุด (EMA 25 และ 200 วัน) แนะนำ เก็งกำไร MAJOR OR KKP ทางเทคนิคดัชนีฯ มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,666 จุด หลังจากเกิดสัญญาณซื้อเพิ่มยืนเหนือ 1,652 จุด ได้

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีปัจจัยกดดันจาก MSCI Rebalance ซึ่งจะมีผลต่อราคาปิดวันนี้ ทำให้เกิดแรงเทขายในหุ้นที่ถูกปรับออกจากคำนวณดัชนีฯ สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ คือ รายงานภาคการผลิตและนอกภาคการผลิตเดือน พ.ค. ของจีน (คาดดีขึ้น) ตัวเลข เงินเฟ้อเบื้องต้นเดือน พ.ค. และการประชุมสุดยอดผู้นำของ EU ซึ่งจัดวันนี้เป็นวันสุดท้าย (จับตามาตรการแซงก์ชั่นน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มเติม) การประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่างงบประมาณปี 2023 วันแรก (จนถึงวันพฤหัสฯ)

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

      +KTX Portfolio: พอร์ต Mid-Small Cap แนะนำ BAFS DOD RS SIS SAT TMT PORT SMT TOG (แนะนำขาย MC ซื้อ PM) ส่วนพอร์ต Big Cap แนะนำ AWC BEC JMART TCAP JMT CENTEL BH AOT EA MEGA MINT KTB PLANB (แนะนำซื้อ CRC KKP) +Short Term/Tactical Play: Trading Buy

      +กลุ่มที่ได้ประโยชน์ จากยิลด์พันธบัตรลดลง: กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า เงินทุนและหลักทรัพย์ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ GULF GPSC KTC AEONTS MTC SAWAD TIDLOR THANI ORI LH

     +กลุ่มได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของUSD: กลุ่ม Commodities Play PTTEP TOP ESSO BCP KSL

     +/-MSCI Rebalance: +JMT BDMS EA OSP BGRIM –STGT CPALL PTT RATCH AOT SCC SAWAD ADVANC PTTEP GULF

     -ฝีดาษลิง: กลุ่มท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบ หากพบผู้ติดเชื้อในประเทศไทย

 

ปัจจัยบวก

+ China: นครเซี่ยงไฮ้ประกาศมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการ ล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 และผ่อนปรนข้อกำหนดการตรวจเชื้อ COVID-19 ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป ส่งผลให้ระยะสั้นตลาดเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกินจีนต่อเศรษฐกิจโลก

+ Fund Flow: นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย +3,672.94 ล้านบาท ต่อเนื่องหลังจากซื้อสุทธิเป็น 16 สัปดาห์ ในรอบ 18 สัปดาห์ และมียอดซื้อสะสม YTD +136,209.65 ล้านบาท

 

 

ปัจจัยลบ

- MSCI Rebalance: MSCI จะมีการปรับพอร์ตหุ้นบางหลักทรัพย์ออกจากการคำนวณดัชนี MSCI Index ซึ่งจะมีผลต่อราคาปิดวันนี้ ทำให้เกิดแรงเทขายหุ้นที่ถูกปรับออกจากคำนวณดัชนีฯ

- WHO: องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ฝีดาษลิงมีความเสี่ยงต่อระบบสาธารณสุขทั่วโลกอยู่ในระดับปานกลาง หลังจากมีรายงานพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในประเทศที่ปกติไม่ค่อยพบการระบาด ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 26 พ.ค. 2022 มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 257 ราย และเข้าข่ายสงสัยว่าจะติดเชื้ออีก 120 ราย ใน 23 ประเทศ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

 

ประเด็นสำคัญ

      - MSCI Rebalance มีผลต่อราคาปิดของหุ้นที่มีการถูกเพิ่มหรือถอดออกจากการคำนวณวันนี้

      - Opportunity Day: GFPT TVD WPH BYD IIG PROEN

      - จีน: NBS Manufacturing PMI และ Non Manufacturing PMI เดือน พ.ค. โดย Consensus คาดเพิ่มขึ้นเป็น 48.9 และ 45 (Vs เดือน เม.ย. ที่ 47.4 และ 41.9)

      - EU: ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค. เบื้องต้น โดย Consensus คาดที่ 7.7% (Vs เดือน เม.ย. 7.4%)

      - EU: การประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป ซึ่งประชุมวันนี้เป็นวันสุดท้าย

      - USA: CB Consumer Confidence เดือน พ.ค. โดย Consensus คาดที่ 103.9 ลดลงจาก 107.3

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 3: ดัชนีฯ เปิดบวกตามตลาดหุ้นเอเชียและปรับขึ้นสูงสุดที่ 1,656.54 จุด ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดตลาดที่ 1,653.61 จุด +14.86 จุด วอลุ่มซื้อขำย 6.7 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +2.83% กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ +1.84% กลุ่มพาณิชย์ +1.19% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค +0.89% หุ้นบวก >4% MTC FORTH BCH THANI BE8 STA DITTO TSR ACE BABA80 CPH LDC ECL RBF BBIK MOONG YGG SICT ACC หุ้นลบ >4% TH BYD JCK ARIN

 

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day โดยตลาดจะกลับมาเปิดทำการซื้อขายอีกครั้งในวันอังคารที่ 31 พ.ค. ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกต่อเนื่อง CAC40 +0.72% DAX +0.79% FTSE +0.19% รับประเด็นจีนประกาศคลายมาตรการล็อกดาวน์ นครเซี่ยงไฮ้ พร้อมประกาศมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์

+/- น้ำมันและทองคำปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day

 

ประเด็นสำคัญ

+ Thailand: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน เม.ย. 2022 อยู่ที่ระดับ 91.79 ขยายตัว +0.56% YoY ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ส่งผลให้ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) ขยายตัวเฉลี่ย +1.37% หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศคลี่คลายลง จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ ตามลำดับ ส่งผลให้การบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมทางการเกษตร

+ Thailand: ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า หากสิ้นปีงบประมาณ 2022 ทุกหน่วยงานสามารถกู้เงินได้ตามแผน คาดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศ จะอยู่ที่ 61.46% ต่อจีดีพี ซึ่งลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 62.76% ต่อจีดีพี เนื่องจากมีการปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงมา ซึ่งเป็นไปได้ที่หนี้จะลดลงกว่าคาดการณ์ เพราะหน่วยงานอาจจะกู้เงินไม่ได้ตามแผน ส่วนปีงบประมาณ 2023 คาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ระดับ 62.47% ค่อย ๆ ทยอยปรับขึ้น เนื่องจากไม่มีกฎหมายกู้เงินพิเศษใหญ่ ๆ ออกมาแล้ว

+ Tesla: เทสลา อิงค์ ได้กลับมาเดินเครื่องผลิตที่โรงงานในนครเซี่ยงไฮ้ โดยผลิตถึงระดับเกือบ 70% ของที่เคยทำได้ในช่วงก่อนการล็อกดาวน์เมือง เพื่อสกัดกั้นเชื้อ COVID-19 แต่อย่างไรก็ตาม การนำกำลังการผลิตกลับสู่ระดับก่อนการล็อกดาวน์ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง อุปสรรคมากมายทั้งจำนวนพนักงานที่ไม่เพียงพอ ตลอดจนปัญหาด้านโลจิสติกส์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดหาชิ้นส่วน รวมถึงปัญหาจากชุดสายไฟ

+/- EU: คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยุโรปปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 105.0 ในเดือน พ.ค. จากระดับ 104.9 ในเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของวอลล์สตรีท เจอร์นัล คาดการณ์ว่าดัชนีความเชื่อมั่นในเดือน พ.ค. จะอยู่ที่ 104.9 ความเชื่อมั่นในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและการก่อสร้างอยู่ในระดับทรงตัว ส่วนความเชื่อมั่นในกลุ่มอุตสาหกรรมอ่อนตัวลงเล็กน้อย

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: SHR BE8 GFPT MEGA

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: MAJOR OR KKP

Derivatives: แนะเปิด Long S50M22 เมื่ออ่อนตัว