โบรกชี้ KBANK ซื้อหุ้นเพิ่มใน "แมสเปี้ยน" ราคาซื้อสูง แต่รุกโตในต่างประเทศ

โบรกชี้ KBANK ซื้อหุ้นเพิ่มใน "แมสเปี้ยน" ราคาซื้อสูง แต่รุกโตในต่างประเทศ

"กสิกรไทย"  เผย กสิกร วิชั่นฯ ทุ่ม7.55 พันล้าน ซื้อหุ้น "ธนาคารแมสเปี้ยน"เพิ่มเป็น 67.50% หวัง5ปี โตก้าวกระโดด ด้าน โบรก ชี้ ราคาซื้อสูง แต่เป็นกลยุทธ์ในการเติบโตในต่างประเทศ พร้อมแนะซื้อ 

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทย่อย คือ บริษัท กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล จำกัด ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไข เพื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคารแมสเปี้ยน ประเทศอินโดนีเซีย  ทำให้ถือหุ้นเป็น 67.50% มูลค่ประมาณ 7,756 ล้านบาท

นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ ประธานกรรมการบริษัท กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล จำกัด กล่าวว่า ธนาคารแมสเปี้ยนเป็นธนาคารท้องถิ่นที่มีศักยภาพและจุดแข็งในการเข้าถึงกลุ่มธุรกิจท้องถิ่นขนาดเล็กและขนาดย่อมซึ่งสอดรับกับความเชี่ยวชาญของธนาคารกสิกรไทยในการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมเพื่อช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการทำธุรกิจของผู้ประกอบการในประเทศอินโดนีเซีย

โดยธนาคารแมสเปี้ยนมีกลยุทธ์รุกการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าทั้งกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อย  โดยกลยุทธ์ดังกล่าวจะสามารถผลักดันธนาคารแมสเปี้ยนเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะ 5 ปีนับจากนี้ โดยมีเป้าหมายสู่การเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาคชวาตะวันออก (East Java) ภายในปี 2570

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การซื้อหุ้นธนาคารแมสเปี้ยนถือว่าสูงมีมูลค่าทางบัญชี (P/BV ) ที่ 3.6 เท่า ซึ่งสูงกว่าตอนที่ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซื้อหุ้นของธนาคารเพอร์มาตา ที่ P/BV อยู่ที่ 1.77 เท่า ส่วนมูลค่าในการเข้าซื้อ 7,556 ล้านบาท ถือว่าใช้เงินไม่สูง เมื่อเทียบกับขนาดของธนาคารกสิกรไทยที่อยู่ราว 4.3 แสนล้านบาท

สำหรับการซื้อหุ้นเพิ่มครั้งนี้ถือเป็นเทรนด์ที่แบงก์ไทยขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยยังคงแนะนำซื้อ KBANK ให้ราคาเหมาะสมปีนี้ที่ 170 บาท จากภาพรวมธุรกิจมีแนวโน้มโตจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ สินเชื่อ รวมถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ปรับตัวลดลง  ขณะที่ ราคาหุ้นปัจจุบันยังอยู่ระดับต่ำ 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ  ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้ราคาซื้อหุ้นดังกล่าว จะมีส่วนลด 39%  ซึ่งมีP/VBอยู่ที่3.5เท่า ยังสูงกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทย ปัจจุบันซื้อขายที่P/VBเฉลี่ยต่ำกว่า0.7เท่า เท่านั้น

ในขณะที่ผลตอบแทนในส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ของแมสเปี้ยนแบงก์เฉลี่ยที่6.1% ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับ ROE ของธนาคารพาณิชย์ไทยเฉลี่ยอยู่ที่8.1% โดยระยะสั้นถือว่าการซื้อหุ้นครั้งนี้ การลงทุนในเชิงกลยุทธ์ของเคแบงก์ ที่สร้างการเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าในภูมิภาคอาเซียนนอกเหนือจาก CLMV ดังนั้นดีลครั้งนี้บริษัทมองเป็น กลางถึงบวกเล็กน้อยต่อราคาหุ้นเท่านั้น

นายธนวัฒน์ รื่นบันเทิง นักวิเคราะห์อาวุโส บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดีลซื้อหุ้นเพิ่มในแมสเปี้ยนของเคแบงก์ครั้งนี้ จะซื้อถูกหรือแพงคงไม่สำคัญ เพราะเงินลงทุนไม่ได้มาก และแมสเปี้ยนแบงก์ เป็นธนาคารเล็กกว่าKBANK มีสินทรัพย์รวมคิดเป็น0.8% หรือมีกำไรคิดเป็นสัดส่วน0.2% ของ KBANK  เท่านั้น 

ดังนั้นทำให้มองว่าการลงทุนครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นเจตนารมณ์ของเคแบงก์ที่ตั้งใจจะขยายตลาดในภูมิอาเซียนอย่างจริงจังนับว่า เป็นใบเบิกทางให้กับเคแบงก์เข้าไปเพื่อขยายบริการสินเชื่อรายย่อยและดิจิทัลแบงก์กิ้ง ซึ่งเป็นจุดแข็งของทางเคแบงก์