บล.เมย์แบงก์ จัดธีมลงทุนสหรัฐ - จีน ชูจุดเด่นธีมเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจฟื้น

บล.เมย์แบงก์ จัดธีมลงทุนสหรัฐ - จีน  ชูจุดเด่นธีมเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจฟื้น

บล.เมย์แบงก์ จัดสัมมนาพิเศษ "เจาะวิกฤติเป็นโอกาส ในตลาดสหรัฐและจีน" หลังมีมุมมองโอกาสระยะยาว สหรัฐอิงปัจจัยเงินเฟ้อ ส่วนจีนการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากโควิด เน้นจังหวะลงทุนสำคัญ

            Maybank Investment Management (IM) โดยบริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จัดสัมมนาออนไลน์ “MAYBANK INVESTMENT FORUM” ในหัวข้อ เจาะวิกฤติเป็นโอกาส ในตลาดสหรัฐและจีน โดยได้รับเกียรติจาก คุณศุภจักร เอิบประสาทสุข Head of Investment Management Product บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย), คุณพรชนก รัตนรุจิกร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี และคุณณัฏฐะ มหัทธนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.กรุงไทย มาร่วมวิเคราะห์เจาะลึกกลยุทธ์ด้านการลงทุนในกองทุน เพื่อสร้างโอกาสในการลงทุน และพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดย เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)ได้สรุปประเด็นสำคัญในการจัดงานสัมมนาไว้ดังนี้

 

 

          สำหรับภาพรวม และคำแนะนำเรื่องทิศทางการลงทุนในกองทุนของตลาดสหรัฐและจีน สภาวการณ์โดยรวมยังคงมีปัจจัยกดดันมุมมองการลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก อย่างต่อเนื่องในระยะนี้ โดยนักวิเคราะห์เริ่มมองว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ที่ทางธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะดำเนินนโยบายผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยง อื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจของโลก เช่น ปัญหาสภาพคล่องทั่วโลกหดตัวลงอย่างฉับพลัน เป็นต้น

      ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวถึงในเบื้องต้นนี้ล้วนทำให้การลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน และความไม่แน่นอนอีกมาก แม้ว่าระดับราคาในหลายๆ ตลาดจะมีการปรับตัวลงมามากแล้วนับตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้ในระยะถัดไปประเด็นเรื่องเงินเฟ้อซึ่งยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันระหว่างนักลงทุน และประชาชนส่วนใหญ่ก็จะยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กดดันอุปสงค์ในการจับจ่ายใช้สอยของผู้คน

กองสหรัฐ มีจุดเด่น และความน่าสนใจอย่างไร และอะไรคือปัจจัยเสี่ยง

        การลงทุนในสหรัฐยังคงเป็นตลาดที่พัฒนาแล้วที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีที่สุดที่หนึ่งในโลก อย่างไรก็ตามภาวะการเทขาย หรือ sell off ที่เกิดขึ้นในตลาดหลักในปีนี้ ก็ได้สร้างผลกระทบในตลาดสหรัฐโดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นกลุ่มเติบโต (growth) ซึ่งได้รับผลกระทบมากกว่าตลาดโดยรวมและหุ้นในกลุ่มคุณค่า (value) เป็นอย่างมาก

        อย่างไรก็ตาม ทางทีมแนะนำการลงทุนยังคงมีมุมมองที่ดีในระยะยาวสำหรับการลงทุนในกลุ่มเติบโต โดยมุ่งเน้นการจัดสรรสินทรัพย์ในลักษณะแบ่งน้ำหนักการลงทุน (barbell) เพื่อให้ยังคงมีการจัดสรรการลงทุนบางส่วนในสไตล์การลงทุนดังกล่าว และมุ่งเน้นไปที่การเลือกเฟ้นกองทุนและหุ้นที่มีคุณภาพ มีการเติบโตที่ดีในระดับราคาที่สมเหตุสมผล และหรือมีความได้เปรียบเชิงแข่งขันสูงในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดำเนินธุรกิจอยู่ เป็นต้น โดยความเสี่ยงหลักที่ยังต้องติดตามในระยะถัดไปยังคงเป็นตัวเลขเงินเฟ้อ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

 

กองจีน มีจุดเด่น และความน่าสนใจอย่างไร และอะไรคือ ปัจจัยเสี่ยง

        กองทุนในกลุ่มประเทศจีนในปัจจุบันมีหลายกองทุนให้นักลงทุนในไทยเลือกสรร แต่จะมีเพียงน้อยกองเท่านั้นที่ทางทีมแนะนำคาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเหนือกองทุนอื่นๆ ที่มีในตลาด ในปัจจุบันตลาดจีนถือได้ว่ามีระดับมูลค่าตลาดกลับลงมาต่ำมากๆ อีกครั้งในรอบหลายปีมานี้

      ส่วนหนึ่งเกิดจากเวฟใหม่ของโควิดประกอบกับมาตรการ Zero Covid ซึ่งความพยายามในการปราบปรามดังกล่าว แม้จะมีประสิทธิผลในการแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุข แต่ก็ได้สร้างภาระให้กับประเทศในด้านสังคมและเศรษฐกิจเป็นอย่างมากเช่นกัน ในหลายๆ กลุ่มอุตสาหกรรมถูกเทขายลงมามากในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา

     โดยเฉพาะในกลุ่มการบริโภค ซึ่งหากผ่านพ้นช่วงโควิดนี้ไปการผ่อนคลายของมาตรการในช่วงล็อกดาวน์ นี้ก็ย่อมทำให้หุ้นคุณภาพบางกลุ่มที่โดยเทขายเพราะมาตรการเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะกลับมาสร้างผลตอบแทนที่ดี (Perform) ได้อย่างโดดเด่นกว่ากลุ่มอื่นๆ เกาะกระแสการฟื้นตัวของโควิดเช่นกัน

จังหวะในการเข้าซื้อที่เหมาะสม

       ในการจัดสรรการลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในระยะนี้ และในช่วงที่เหลือของปีนี้ด้วยนั้น การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนยังคงเป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่ใช้ได้จริงเสมอในทุกสภาวการณ์รวมถึงในช่วงนี้ด้วย

      โดยนอกเหนือจะมีการลงทุนที่กระจายตัวในระดับสินทรัพย์ ในระดับกลุ่มอุตสาหกรรม หรือแม้จะเป็นรายภูมิภาค หรือตามธีมในการลงทุนแล้ว การกระจายในแง่ของเงื่อนเวลา หรือการแบ่งการเฉลี่ยซื้อ หรือที่นักลงทุนเรียกกันติดปากว่าการทำ Dollar Cost Average (DCA) นั้นก็ยังคงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงจากการเข้าซื้อในวันที่ระดับราคาอาจจะถูกหรือแพงได้ เพราะในระยะยาวเมื่อมองย้อนกลับมา นักลงทุนก็จะได้รับต้นทุนที่เป็นค่าเฉลี่ยในช่วงใดช่วงหนึ่งเสียมากกว่า

        Maybank Investment Management หรือ IM บริการวางแผนการลงทุนจากทีมงานมืออาชีพ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย ครอบคลุม อาทิ กองทุนรวม, ตราสารหนี้, หุ้นกู้, Offshore Trading, SBLและ DW เป็นต้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่งคั่งและยั่งยืนให้กับคุณ Maybank Investment Management มีการจัดสัมมนาและกิจกรรมเพื่อนำเสนอทางเลือกการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ให้กับลูกค้าตลอดทั้งปี เพื่อให้ลูกค้ามีข้อมูลที่ถูกต้องในการตัดสินใจลงทุน สำหรับท่านที่สนใจเปิดพอร์ตกับ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เพื่อการลงทุน สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร 02-658-5050 

 

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์