นโยบายปกป้องอาหารเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มอาหารของไทย

นโยบายปกป้องอาหารเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มอาหารของไทย

เข้าสู่ช่วงที่ตัวเลขเศรษฐกิจชะลอก่อนดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงหลังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอลง

ไม่ว่าจะเป็น 1) PMI Composite ยุโรป พ.ค.ที่ 54.9 (จาก เม.ย.ที่ 55.8 และต่ำสุดในรอบ 2 เดือน) 2) PMI Manufacturing สหรัฐฯ พ.ค.ที่ 57.5 (จาก เม.ย.ที่ 59.2 และต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ) 3) PMI Services สหรัฐฯ พ.ค.ที่ 53.5 (จาก เม.ย.ที่ 55.6 และต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ) 4) ยอดขายบ้านใหม่ สหรัฐฯ เม.ย. ที่ 591,000 หน่วย (ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 750,000 หน่วย และต่ำสุดในรอบ 2 ปี) ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวโดยเฉพาะยอดขายบ้านใหม่ ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจเมื่อมองว่าอัตราการกู้ยืมผ่อนบ้าน (30 year fixed mortgage rate) ของสหรัฐฯ ขยับขึ้นจากจุดต่ำสุดปลายปี 2563 ที่ 2.65% เป็นราว 5% ในปัจจุบัน   

เงินอาจไหลเข้าพันธบัตรในช่วงที่นักลงทุนกังวลแนวโน้มการเติบโต ในสภาวะปกติการลดลงของผลตอบแทนพันธบัตรจะเป็นสัญญาณบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจุบันที่นักลงทุนกังวลกับมุมมองการเติบโตของเศรษฐกิจและความเสี่ยงจากการปรับลดประมาณการกำไรบจ. ทำให้อาจตัดสินใจพักเงินไว้ในสินทรัพย์ปลอดภัยระหว่างรอสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อยืนยันว่าจะไม่เกิดความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย // เรามองทิศทางเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นอาจชะลอจากปัจจัยข้างต้น อย่างไรก็ตามโมเมนตัมการเติบโตของอาเซียนที่ดีกว่ายุโรปและสหรัฐฯ ทำให้ความเสี่ยงของตลาดหุ้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า // ทั้งนี้เราคงมุมมองตลาดหุ้นไทยปีนี้เคลื่อนไหวออกข้างในกรอบ 1,540-1,730 จุด โดยมีกรอบการเก็งกำไรระยะสั้นที่ 1,620-1,643 จุด
 

นโยบายปกป้องอาหารโดยรวมน่าจะเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มอาหารของไทย ผลของราคาพลังงานและต้นทุนการผลิต รวมถึงราคาปุ๋ยและสินค้าเกษตรที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้อาหารและสินค้าเกษตรในหลายประเทศปรับสูงขึ้นจนเริ่มเห็นการประกาศระงับการส่งออกของหลายประเทศในช่วงที่ผ่านมา เรามองแนวโน้มของนโยบายปกป้องอาหาร (Food protection) ที่กำลังเกิดขึ้นจะหนุนให้เกิดการสำรองอาหาร ทำให้ราคาอาหารทรงตัวในระดับสูงถึงปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกกับกลุ่มผู้ผลิตอาหารและสินค้าเกษตรในไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตเนื้อสัตว์ ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นในปีก่อนจะเริ่มขึ้นราคาได้ และทำให้อัตรากำไรทยอยปรับดีขึ้น / กลุ่มน้ำตาล ผลผลิตจากการหีบอ้อยที่ดีขึ้น (85-90 ล้านตัน ในปี 64/65 vs 66 ล้านตัน ในปี 63/64) และการระงับการส่งออกของอินเดียที่เป็นผู้ผลิตหมายเลข 2 ของโลก (10.9% ของการส่งอกน้ำตาลทั้งโลก) จะส่งผลดีต่ำราคาน้ำตาลโลก และไทย ที่เป็นผู้ผลิตหมายเลข 3 ของโลก (7.7%)

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO 4) กลุ่มมีลุ้นเข้า SET50 ได้แก่ JMT, JMART 5) กอง REIT ได้แก่ FTREIT, WHART 6) ขณะที่หุ้นกลาง-เล็กที่สามารถเลือกเก็งกำไร (แบบกำหนดจุดตัดขาดทุน) ในช่วงนี้ ได้แก่ THREL, BLA, MAJOR, TH, SCN, SCI, CMR, TKN, SPA เป็นต้น 7) หุ้นกลุ่มเก็งราคาน้ำมันลง SCGP, BJC, EPG, SCC 8) หุ้นเด่นกลุ่มพลังงาน OR 9) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS
 

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,620-1,643 จุด หากผ่านจะยกกรอบการเล่นขึ้นและมีโอกาสทดสอบ 1,670-1,680 จุด ภาพรวมยังเน้นในหุ้นใหญ่พื้นฐานดีที่ valuation ไม่แพงหรือกระแสเงินสดสูงที่สามารถจำกัด downside risk ได้เป็นหลัก และใช้จังหวะปรับลดลงแรงในการทยอยซื้อหรือสะสมรายตัว //หุ้นแนะนำ:  CPF*, KSL*, TTCL*, OR*

แนวรับ: 1,620 / แนวต้าน : 1,643 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

ประเด็นการลงทุน

มาเลเซียระงับส่งออกเนื้อไก่บางส่วน - ระงับการส่งออกไก่จำนวน 3.6 ล้านตัวต่อเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ 

อินเดียเล็งจำกัดส่งออกน้ำตาลครั้งแรกรอบ 6 ปี - เตรียมจำกัดการส่งออกน้ำตาลเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาภายในประเทศ 

แจกอีก1.5ล.สิทธิ เที่ยวด้วยกันเฟส4 - ครม.ไฟเขียวเที่ยวด้วยกันเฟส 4 แจกอีก 1.5 ล้านสิทธิ เปิดลงทะเบียน มิ.ย. เดินเครื่องบัตรคนจนดีเดย์ ส.ค.

กลางมิ.ย. ถอดแมสก์ได้ เหลือใส่ 3 กรณี ป่วยหนัก ที่ปิด คนเยอะ – ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเผยว่า มีการปรับคำแนะนำเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยโควิดเดินหน้าสู่โรคประจำถิ่น กลาง มิ.ย. 

"คลัง" ส่อเลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น – หลังเฟทโก้ยื่นหนังสือค้าน "อาคม" เผยต้องรอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพก่อน จากปัจจุบันฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป

นายกฯโยนชัชชาติชี้ขาดต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว - ด้านผู้ว่าคนใหม่ยืนยันต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน “บีทีเอส” เล็งหารือหนี้เดินรถ ติดตั้งระบบ 

รฟม.เปิดรับข้อเสนอประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ก.ค.นี้ - คาดเซ็นร่วมทุนปลายปี

คาดเข้า/ออก SET50 – คาดเข้า JMT, JMART, BLA /คาดออก RATCH, STGT, KCE

คาดเข้า/ออก SET100 – คาดเข้า SABUY, TIPH, JAS /คาดออก RS, TTA, MAJOR

ประเด็นติดตาม: 25 พ.ค. - US Core Durable Goods Orders, FOMC Meeting Minutes / 26 พ.ค. – US GDP Q1, US Initial Jobless Claims, US Pending Home Sales / 30 พ.ค. – China Manufacturing PMI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)