“หุ้น-ทอง” ผันผวนระยะสั้น ตลาดระวังเฟดเร่งขึ้นดบ.แรงช่วงมิ.ย.-ก.ค.

“หุ้น-ทอง” ผันผวนระยะสั้น ตลาดระวังเฟดเร่งขึ้นดบ.แรงช่วงมิ.ย.-ก.ค.

"โบรก" คาด หุ้นไทย ไซด์เวย์ กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย สกัดเงินเฟ้อ “บล.โนมูระฯ” ชี้ดัชนี 1-2 เดือนยังผันผวน คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% มิ.ย.-ก.ค. “บล.หยวนต้า” แนะพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยช่วงไตรมาส3/65“วายแอลจี” ชี้ ทองคำหลุด 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นจังหวะเข้าสะสม

นายกรภัทร วรเชษฐ์  ผู้อำนวยการฝ่ายวิจับและบริหารการลงทุน บล. โนมูระ พัฒนสิน  เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทย ระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า ต้องระวังตลาดผันผวนและปรับลงมาหาฐานใหม่ จากความเสี่ยงเงินเฟ้อระดับสูง และเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยแรงระดับ 0.75%  ทั้งสองครั้งในเดือนมิิ.ย.และเดือน ก.ค.นี้  

โดยหลังจากนั้นคาดการปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่เร่งตัวแรงที่ระดับ 0.25% ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัว ซึ่งมองจีดีพีปีนี้โต 4.1% และโต 5.8% ในปีหน้า และยังมีอัพไซด์จากปัจจัยอื่นๆ เช่นขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. ค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงจีนมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังคลายล็อกดาวน์โควิด 

“หุ้น-ทอง” ผันผวนระยะสั้น ตลาดระวังเฟดเร่งขึ้นดบ.แรงช่วงมิ.ย.-ก.ค.

 

ทั้งนี้ มองว่าไม่เกิน 1-2 สัปดาห์แรกเดือนก.ค. หุ้นไทยจะปรับฐานชัดเจนได้ และช่วงไตรมาส 3 เป็นการเปลี่ยนผ่านจากความผันผวนสู่การเร่งตัวขึ้น และยังมีแสงสว่างปลายอุโมงค์

ดังนั้น ช่วงตลาดผันผวนเน้นหุ้นส่งออกรับอานิงส์เงินบาทอ่อนค่า ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มอาหาร และ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีทิศทางการผลิตเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ระยะกลาง-ยาว รวมถึงหุ้นดีเฟนซีฟ (ปลอดภัย) ราคาหุ้นปรับตัวลงมามากและมีแนวโน้มผลประกอบการปรับตัวเติบโตดี เช่น กลุ่มไอซีทีรับประโยชน์จากเทรนด์ 5จี และกลุ่มเฮลท์แคร์ได้รับแรงส่งเชิงบวกจากผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามารักษามากขึ้น 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย)  กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยซึมซับเฟดขึ้นดอกเบี้ยแล้ว แต่ความเสี่ยงยังไม่จบจากปัจจัยเงินเฟ้อพุ่ง และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่การฟื้นตัวเศรษฐกิจทั่วโลกที่ไม่เท่ากัน และการใช้นโยบายการเงินที่ไม่เท่าเทียม ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกมีความเสี่ยงภาวะถดถอยและเห็นสินทรัพย์ลงทุนผันผวนเพิ่มขึ้นจากการเคลื่อนย้ายของเงินลงทุนที่เร็วขึ้น   

ขณะที่ผลกระทบต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบพุ่ง ได้ปรับลดเป้าดัชนีฯ ปีนี้จาก 1,750 จุด เหลือ 1,650 จุด และแนวรับ1,550 จุด ซึ่งตลาดหุ้นไทยระยะสั้นยังมีความผันผวนจนถึงในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. นี้ มองเป็นจุดสำคัญหุ้นไทยเริ่มมีความชัดเจนขึ้นจากปัจจัยต่างๆ แนะเป็นจุดเพิ่มน้ำหนักลงทุน เน้นเลือกหุ้นที่ปรับตัวกับดอกเบี้ยขาขึ้นได้ กลุ่มธนาคาร อาหารเครื่องดื่ม ค้าปลีก ท่องเที่ยว บันเทิง และการแพทย์

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวายแอลจีบูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าวว่า ปัจจุบันทองปรับตัวลงที่ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้ต้นปีมานี้ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากแรงกดดันเฟดขึ้นดอกเบี้ย หลังจากตั้งแต่ต้นปีมานี้ราคาทองปรับตัวสูงสุดที่ 2,069 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงมี.ค. จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ใกล้ระดับจุดสูงสุดปีก่อนช่วงโควิดที่  2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์  

โดยมองแนวโน้มระยะสั้นยังมีปัจจัยกดดันราคาทอง จากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต้องติดตามความชัดเจน ประเมินหากเฟดไม่ได้ทำนโยบายการเงินเร่งตัวขึ้นกว่าที่ตลาดคาด หรือมีโอกาสที่จะใช้มาตรการอื่นๆ เข้ามาดูแลเงินเฟ้อ รวมถึงหากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนกลับมารุนแรงขึ้นเป็นโอกาสที่ราคาทองคำยังปรับขึ้นได้

ประกอบกับทิศทางราคาทองคำยังเป็นเทรนด์ขาขึ้นตลอด 7 ปีที่ผ่านมา แนะหากราคาทองระยะสั้นปรับตัวลงต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นจังหวะทยอยสะสม หรือราคาทองในประเทศ ที่ 27,000-26,500 บาท ซึ่งราคาทองในประเทศตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับขึ้นมาราว 5% รับอานิงส์บาทอ่อนค่าหากบาทยังอ่อนค่าแนวโน้มราคาทองปรับขึ้นได้ และยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย