JMART เดินหน้าสานพลัง 3 ธุรกิจโตเด่น ลั่นกำไรปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 50%

JMART เดินหน้าสานพลัง 3 ธุรกิจโตเด่น ลั่นกำไรปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 50%

กลุ่มเจมาร์ท ชูเงินทุน 30,000 ล้านบาท หนุนเสริมสภาพคล่อง ดัน 3 ธุรกิจหลัก ค้าปลีก - การเงิน - เทคโนโลยี โตแรง คาดแนวโน้มการเติบโต ต่อเนื่องทุกไตรมาส และสูงสุดในไตรมาส 4 ของปี มั่นใจกำไรทั้งปีนี้ 2565 โตเข้าเป้าไม่ต่ำกว่า 50%

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART  เปิดเผยว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยอมรับว่า เป็นปัญหาส่งผลกระทบเชิงลบในทุกธุรกิจ แต่ได้บริษัทมีการจัดการ ด้วยกลยุทธ์ใช้การซินเนอร์จีเข้ามาช่วย ทำให้เราสามารถเติบโตได้ในช่วงโควิดปี 2562-2564

แน่นอนว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ตนเองมีความมั่นใจมากที่สุด เนื่องจากเมื่อช่วงเดือนธ.ค.ปีที่ผ่านมา ได้มีเงินเพิ่มทุนเข้ามามากถึง 30,0000 ล้านบาท จะช่วยเสริมสภาพคล่อง ทำให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตได้อีกมหาศาล 

ดังนั้นเราตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้ และกำไรอย่างน้อย 50% ต่อปีในระยะ 3 ปีข้างหน้า  (2565-2567)   ภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจคอมเมิร์ซ ธุรกิจไฟแนนซ์ และธุรกิจเทคโนโลยี ผสานความร่วมมือกัน ที่จะหนุนการเติบโตได้ต่อเนื่อง และแน่นอนว่าหลังจากนี้จะมีพัฒนาสิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามา เพื่อเสริมสร้างให้กลุ่มเจมาร์ทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

รวมถึง ยังมีหลายบริษัทในกลุ่มที่ยังไม่ถูกสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงออกมา ซึ่งการจะทำให้เห็นต้องนำบริษัทดังกล่าวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมูลค่าที่แท้จริงจะสะท้อนกลับมาที่กลุ่มเจมาร์ท 

 

 

 

 

"บริษัทดำเนินธุรกิจมากกว่า 30 ปี และในปีนี้ มีความมั่นใจอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าในไตรมาสแรกปีนี้ ยังต้องเผชิญสถานการณ์โควิดโอมิครอน แต่เรายังสร้างกำไรเติบโตได้ถึง 22% และในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าผลงานจะเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส ซึ่งไตรมาส 2 จะดีกว่าไตรมาส 1 และไตรมาส 3 จะดีกว่าไตรมาส 2  และปกติแล้วจะเติบโตสูงสุดในช่วงไตรมาส 4 ของปี  จึงคาดว่าจะเติบโตกำไร 50%ในปีนี้ได้ตามเป้าหมาย " 

 

สำหรับผลประกอบการของบริษัท ในไตรมาส 1/65 มีกำไร 325 ล้านบาท หรือ 0.23 บาท/หุ้น ลดลง 2.5% จากงวดเดียวกันปี 64 ที่มีกำไร 333 ล้านบาท หรือ 0.35 บาท/หุ้น เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/64 บริษัทมีกำไรพิเศษจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท KBJ Capital มูลค่ากว่า 66 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากหักกำไรพิเศษดังกล่าวจะทำให้การเติบโตของกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 22% อยู่ที่ 325 ล้านบาท 

โดยรายได้รวมของบริษัทเท่ากับ 3,512.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 629.5 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้ของกลุ่มบริษัทมีผลจากการเติบโตของรายได้ในส่วนของธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือที่เติบโตได้ดี

ขณะที่บริษัทมีต้นทุนขายและบริการรวม 2,446.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.1% จากปีก่อนหน้าที่ทำได้ 458.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ ส่วนด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,065.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.1% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการเติบโตของรายได้ในแต่ละส่วนงานธุรกิจหลัก

นอกจากนี้ ณ 31 มี.ค.65 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 46,537.0 ล้านบาท แบ่งเป็นสินทรัพย์หมุนเวียน 19,151.6 ล้านบาท คิดเป็น 41.2% ของสินทรัพย์รวม ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของเงินสด และสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ได้แก่ การนำเงินระดมทุนได้ฝากในกองทุนที่รักษาเงินต้นในตลาดเงิน และด้านสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอยู่ที่ 27,385.4 ล้านบาท คิดเป็น 58.8% ของสินทรัพย์รวม

 

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์