AAV ขาดทุน Q1/65 กว่า 2.3 พันล้านบาท ชี้ผู้โดยสารฟื้น 48% จ่อบินญี่ปุ่นครั้งแรก!

AAV ขาดทุน Q1/65 กว่า 2.3 พันล้านบาท ชี้ผู้โดยสารฟื้น 48% จ่อบินญี่ปุ่นครั้งแรก!

“เอเชีย เอวิเอชั่น” หรือ AAV ผู้ถือหุ้นใหญ่ “ไทยแอร์เอเชีย” ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/65 เผยยอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 48% พร้อมลุยเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศต่อเนื่อง รับมาตรการผ่อนคลายเดินทางเข้าประเทศ เผยสีสันใหม่เส้นทางบินสู่ "ญี่ปุ่น" ที่จะบุกตลาดเป็นครั้งแรก

บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด หรือ TAA เผยผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2565 มีรายได้รวม 2,091.0 ล้านบาท และขาดทุน 2,370.6 ล้านบาท โดย TAA ฟื้นตัวแข็งเเกร่งอย่างน่าพอใจ มีอัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ย 73% เพิ่มขึ้น 7 จุด ยอดขนส่งผู้โดยสาร 1.45 ล้านคน เพิ่มขึ้น 48% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 

สำหรับราคาค่าโดยสารเฉลี่ยในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 1,018 บาทต่อคน อย่างไรก็ตาม ต้นทุนขาย และการบริการเพิ่มขึ้นตามปริมาณเที่ยวบิน ประกอบกับราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยปรับขึ้น 61% จากปีช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการขาย และค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 21% โดยหลักจากค่าธรรมเนียมการขาย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนของบริษัท

ทั้งนี้ยอดผู้โดยสารยังมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังมาตรการเข้าประเทศผ่อนคลาย ทำให้ TAA สามารถเพิ่มความถี่บิน เเละเปิดเส้นทางใหม่ๆ ได้ต่อเนื่อง 

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 1 เราได้รับสัญญาณที่ดีชัดเจนจากบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และมาตรการ การเดินทางเข้าประเทศที่ผ่อนคลายตามลำดับ จนถึงปัจจุบันในไตรมาสที่ 2 ที่ยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทางเข้าประเทศเเล้ว นับเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจ ในการเพิ่มเส้นทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ

โดยในไตรมาสนี้ TAA สามารถเพิ่มเที่ยวบินเป็น 11,002 เที่ยวบิน หรือเพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และวางเป้าหมายในการเพิ่มเส้นทางระหว่างประเทศใหม่ๆ ต่อเนื่องในตลาดอาเซียน และเอเชียใต้

ล่าสุดเราพร้อมเปิดบินแล้ว 8 ประเทศ 19 เส้นทางบิน สู่ มัลดีฟส์ กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย และ สปป.ลาว เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางแรกๆ ในการกลับมาท่องเที่ยวใช้จ่ายอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิด-19 

“TAA เดินหน้ากลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน จึงทยอยเพิ่มปริมาณที่นั่งและเที่ยวบินให้เหมาะสมตามสถานการณ์ ในไตรมาสที่ 1 ถือเป็นช่วงแรกของการฟื้นตัวธุรกิจที่น่าพอใจมาก และเราเชื่อมั่นว่าในไตรมาสต่อๆ ไป เราจะกลับมารุกตลาดเส้นทางระหว่างประเทศได้อย่างเต็มที่ ทั้งในเส้นทางเดิมที่เราเคยให้บริการอยู่เเล้ว เเละสีสันใหม่ๆ ในเส้นทางบินสู่ประเทศญี่ปุ่นที่ TAA จะบุกตลาดเป็นครั้งแรก ซึ่งขอให้ทุกคนรอติดตาม” นายสันติสุข กล่าว

ทั้งนี้ตลอดการดำเนินงาน TAA ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนามาตรฐานบริการ  โดยเฉพาะมาตรฐานด้านความปลอดภัยเเละความตรงต่อเวลา ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ TAA  โดยในไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียได้รับรางวัลมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดด้วยเรทติ้ง 7/7 จาก airlineratings.com ในขณะที่ TAA ติด 3 อันดับแรก “สายการบินราคาประหยัดที่ตรงเวลามากที่สุดในโลก” จากการจัดอันดับของ Cirium รวมทั้งคว้า 2 รางวัลมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) ระดับสูงสุด ประเภทกิจการยานพาหนะทางอากาศ และ The Best of SHA (ระดับ 3 ดาว) เป็นสถานประกอบการยอดเยี่ยมที่มีมาตรฐาน SHA สูงกว่าเกณฑ์มากที่สุด จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตอกย้ำว่า TAA ยังคงเป็นผู้นำสายการบินราคาประหยัดอันดับหนึ่งที่มีความพร้อมมากที่สุดในทุกด้าน พร้อมสำหรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกครั้งเมื่อโอกาสมาถึง

สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2565 เป็นต้นไป ถือเป็นช่วงที่ TAA รุกทำแคมเปญการตลาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะแคมเปญ SUPER+ ตั๋วบินสนั่นทั่วไทย และอาเซียนแบบเดินทาง 1 ปี พร้อมบริการส่งอาหารฟรีจาก airasia Food และประกันบอกเลิกการเดินทาง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี

“ทั้งนี้ TAA ตั้งเป้าหมายตลอดปี 2565 ขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 10.4 ล้านคน อัตราขนส่งผู้โดยสาร 78% ความตรงต่อเวลา 90% และจบสิ้นปี 2565 ด้วยฝูงบิน 53 ลำ”

 

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์