ก้าวสำคัญ "ท๊อป จิรายุส" ผู้ก่อตั้ง "บิทคับ" ยูนิคอร์นตัวที่ 3 ไทย

ก้าวสำคัญ "ท๊อป จิรายุส" ผู้ก่อตั้ง "บิทคับ" ยูนิคอร์นตัวที่ 3 ไทย

ถอดรหัสความสำเร็จ “ท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้ง "บิทคับ" จากเด็กเศรษฐศาสตร์สนใจ "การเงิน" สู้เจ้าของธุรกิจยูนิคอร์นตัวที่ 3 ของไทย ที่มีกำไรระดับ "พันล้าน" และฝันไกลนำธุรกิจระดมทุนตลาดหุ้นไทย-แนสแด็ก

เปิดผลดำเนินงานปี 2564 ที่ผ่านมา "บิทคับ" มีกำไรถึง 2,545 ล้านบาท เติบโตต่เนื่อง หลังจากผ่านมรสุมมาตลอด 8 ปี !! 

ผู้ก่อตั้งและเจ้าของตัวจริงอย่าง “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เล่าถึงเส้นทางก่อนประสบความสำเร็จในวันนี้... ที่นำพาธุรกิจเติบโตจกำไรแตะระดับ "พันล้าน" มาจากเด็กเศรษฐศาสตรที่มีความสนใจเรื่องการเงินเป็นทุนเดิม จนสามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า “บิตคอยน์” ได้อย่างลึกซึ้ง 

จากมุมมองของเขาเชื่อว่า “บิตคอยน์จะมาเปลี่ยนแปลงโลก” หลังจากที่ได้รู้จักกับ Dan Schulman ประธานและซีอีโอของ PayPal ผู้ให้บริการชำระเงินระดับโลก ที่เล่าใน "หนุ่มท๊อป" ฟังว่าจุดหมายแรกของ เพย์พาว คือการเปิดดิจิทัลดอลลาร์ ไม่ใช้ดิจิทัลเพย์เมนท์ แต่ในยุคนั้นยังไม่มีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยี และจุดประกายความคิดให้ท็อปเห็นว่า ช่วงเวลาในตอนนี้ที่มีบล็อคเชน , สมาทโฟน , อินเตอร์เน็ตที่รวดเร็วเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยเป็นอย่างมาก 

ทำให้ "หนุ่มท๊อป" ไม่ลังเลใจที่จะตีตั๋วกลับเมืองไทยและบอกกับครอบครัวว่าต้องการเปิดสตาร์ทอัพของตัวเอง และเริ่มต้นด้วยบริษัท coins.co.th สำนักงานตั้งอยู่บนชั้นลอยของร้านขายเสื้อผ้าของพ่อแม่ย่านประตูน้ำ

มรสุมสู่ความสำเร็จ

หลายคนมองว่าบิตคอยน์ คือ แชร์ลูกโซ่ ฟอกเงิน ทำให้หลายครั้งต้องทะเลาะกับครอบครัว จากเรื่องความเสี่ยงในการทำธุรกิจนี้ เช่น การโดนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เรียกตัว ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) เรียกตัวไปสอบสวนเกี่ยวกับธุรกิจ

 

แต่เขาก็ย้ำชัดในความคิดของตัวเองด้วยข้อมูลฐานต่าง ๆ อย่างเรื่องที่การเงินเปลี่ยนทุก ๆ 50 ปี การได้คุยกับ  Dan Schulman รวมถึงบทความบิตคอยน์ของ Marc Andreessen 

ในระยะเวลา 4 ปีหลังที่ผ่านมาท็อปพูดถึงบิทคอยน์ซ้ำ ๆ หลายครั้งเกือบ 1,000 เวทีเพื่อให้คนเข้าใจในความหมายที่แท้จริง พร้อมกับการที่บริษัทของเขาก้เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ 

ธุรกิจบิทคับ และบิตคอยน์ เริ่มเติบโตไปพร้อม ๆ กัน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ๆ ที่สามาถออกใบอนุญาติ เกี่ยวกับ Digital Asset Exchange หรือการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งแบงก์ชาติมีการตั้งทีมดิจิตัลคริปโทเคอร์เรนซี ที่พัฒนา ‘ดิจิทัลบาท’ ให้เราได้เห็นกันในปีนี้ 

ก้าวต่อไปของบิทคับ

ท๊อป เผยถึงธงของธุรกิจบิทคับว่า ต้องการสร้าง Digital Infrastructure ระบบพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศไทยให้แข็งแรง จนเป็นรากฐานที่สำคัญสู่การต่อยอดและพัฒนาธุรกิจดิจิทัลในประเทศไทยทั้งหมด และในปีนี้ยังมองไปถึงตลาดต่างประเทศ ที่บิทคับเป็นผู้นำเศรษฐกิจดิจิตัลและสามารถนำเงินเข้าประเทศได้ 

“การเอาบิทคับเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพราะอยากให้คนไทยทุกคนได้เป็นเจ้าของบริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีแห่งแรกในประเทศไทย ในขณะที่คนไทยหันไปซื้อหุ้นต่างประเทศ อย่างแอปเปิ้ล เฟสบุ๊คหรือไมโครซอฟท์ และเข้าสู่ตลาดแนสแด็ก” เป็นความฝันของท็อปที่อยากให้เป็นจริง

แม้ว่าช่วง 2-3 ปีหลังนี้ ตลาดคริปโทฯในประเทศไทยเริ่มชะลอตัว จนตามหลังต่างประเทศ เช่น เรื่องภาษีของเหรียญดิจิตัล ไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่นัก เห็นได้ชัดจากประเทศดูไบที่รองรับการใช้คริป เนื่องจากในเขามองเห็นว่าในอีก 10  ปีข้างหน้าดูไบไม่สามารถส่งออกน้ำมันได้จากการเข้ามาแทนที่ของระบบไฟฟ้า ทำให้เงินกว่า  2.5  มิลเลี่ยนดอลลาร์ มาร์เก็ตแคปของคริปโทฯไหลเข้าสู่ตลาดดูไบอย่างมหาศาล

ทำให้ท๊อปตัดสินใจที่จะเป็น หนึ่งในสปอนเซอร์หลักของการจัดงาน The Match Bangkok Century Cup 2022 แมทช์การแข่งขันแห่งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนระหว่างสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และสโมสร ลิเวอร์พูล ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 ก.ค. นี้ ทำให้คนทั่วโลกหันมาสนใจประเทศไทย รวมทั้งบิทคับด้วย ซึ่งบิทคับเชื่อว่าอีเว้นท์ในครั้งนี้จะเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคักได้รวดเร็วอีกครั้ง 

รวมทั้งจะคนจะรู้จักกับบิทคับมากขึ้น ในมุมของการช่วยพัฒนาประเทศไทยทางด้านกีฬา ซึ่งบิทคับยังทุ่มเงินกว่า 60 ล้านบาท เพื่อช่วยพัฒนาวงกรฟุตบอลไทยด้วย ด้วยการสนับสนุนทีมชาติไทยและวงการไทยลีก เพื่อยกระดับไทยลีกด้วยเทคโนโลยีใหม่ ที่เรียกว่า NFT