Sideway เก็งกำไร TFG ESSO ADVANC (13 พ.ค. 2565)

Sideway เก็งกำไร TFG ESSO ADVANC (13 พ.ค. 2565)

คาดดัชนีฯ Sideway แนวต้าน 1,593 / 1,605 จุด แนวรับ 1,570 / 1,565 จุด ทางเทคนิค หากดัชนีฯ หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,580 จุด จะเป็นสัญญาณขายเพิ่ม และเป็นการเปลี่ยนแนวโน้มระยะกลางเป็น Downtrend

แนะนำ เก็งกำไร TFG ESSO ADVANC ปัจจัยลบยังคงเป็นการกังวลต่อเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ส่วนปัจจัยต่อหุ้นรายตัว คือ MSCI ประกาศเพิ่ม 1 หุ้น (JMT) และถอด 1 หุ้น (STGT) ในดัชนี Global Standard Index และเพิ่ม 10 หุ้น และถอด 2 หุ้นในดัชนี Global Small Cap Index มีผลต่อราคาปิดวันที่ 31 พ.ค. ส่วนประเด็นวันนี้ จับตาตัวเลขการนำเข้าส่งออกของสหรัฐฯ และการประกาศงบการเงิน 1Q22E ของบจ.ไทย

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

      +KTX Portfolio: พอร์ต Mid-Small Cap แนะนำ BAFS MC TACC SAT TMT SMT TOG ส่วนพอร์ต Big Cap แนะนำ CRC AWC BEC ESSO TCAP JMT BH AOT SPRC KKP MINT KTB TTB BLA (แนะนำขาย MAJOR ซื้อ ESSO)

      +กลุ่ม Earnings Play (ดูรายงาน Tactical Play): BE8 CPW PYLON ESSO SISB -HENG HTC STGT AEONTS SCCC

      +/-กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากยิลด์พันธบัตรขาขึ้น: +BBL KBANK KKP BLA TIPH –กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า เงินทุนและหลักทรัพย์ พัฒนาอสังหำริมทรัพย์

      +กลุ่มได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท: KCE HANA SMT SAPPE TWPC NER SABINA

      +/-MSCI Rebalance: +JMT ASK BYD DITTO FORTH KEX PSG SABUY STGT STARK VIBHA –EASTW

 

ปัจจัยลบ

      - Fund Flow: นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย โดยวานนี้ขายสุทธิในตลาดหุ้น -622.86 ล้านบาท และเปิด Short สุทธิใน SET50 Index Futures -6,312 สัญญา เป็นผลจากค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความเสี่ยง FX Loss

      - Long weekend: ตลาดหุ้นไทยหยุดทำการในวันจันทร์ที่ 16 พ.ค. 2022 ทำให้นักลงทุนบางส่วนมีแนวโน้มที่จะขายหุ้น เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงวันหยุดยาว

 

 

 

 

ประเด็นสำคัญ

      - ฝรั่งเศส: รายงานเงินเฟ้อเดือน เม.ย. โดย Consensus คาด +4.8% YoY (Vs เดือน มี.ค. +4.5%)

      - EU: การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. โดย Consensus คาดหดตัว -1% YoY (Vs เดือน มี.ค. ขยายตัว +2% YoY)

      - USA: ตัวเลขนำเข้าส่งออกเดือน เม.ย. โดย Consensus คาดขยายตัว +0.6% MoM และ +0.7% MoM ตามลำดับ (Vs เดือน มี.ค. ขยายตัว +2.6% MoM และ +4.5% MoM)

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดลบ: ดัชนีฯ เผชิญแรงเทขายอย่างหนักต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และปิดตลาดที่ 1,584.52 จุด -28.82 จุด วอลุ่มซื้อขาย 9.2 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร -1.88% กลุ่มธนาคาร -1.87% กลุ่มพาณิชย์ -1.78% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค -1.43% หุ้นบวก >4% EGCO SNC THANA TKT NCH SMPC JUTHA LDC SMK CGD BRR หุ้นลบ >4% JMT PTTGC CRC MTC CAZ JMART IRPC SINGER GUNKUL DELTA SAWAD TIPH ALL BLA TQM YGG

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ: DJIA -0.33% S&P500 -0.13% NASDAQ +0.06% ซื้อขายผันผวน ก่อนปิดในกรอบแคบ ๆ นักลงทุนกังวลว่าภาวะ เงินเฟ้อของอเมริกายังไม่ถึงจุดสูงสุดและอาจดีดตัวขึ้นมากกว่านี้ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เฟดใช้นโยบายเชิงรุกมากยิ่ง ส่วนหุ้นยุโรปปิดลบ CAC40 -1.01% DAX -0.64% FTSE -1.56% เนื่องจากกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หลังจาการายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ลดลงน้อยกว่าที่คาด นำลงโดยกลุ่มเทคโนโลยี รถยนต์ เหมืองแร่

+/- น้ำมันดิบปิดคละ ส่วนทองคำปิดลบ: WTI +42 เซนต์ ปิดที่ USD106.13/บาร์เรล Brent -6 เซนต์ ปิดที่ USD107.42/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังจากการลงมติมาตรการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียของ EU ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากฮังการีแสดงจุดยืนคัดค้าน ส่วนราคาทองคำลดลง USD29.10 ปิดที่ USD1,824.60/ออนซ์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่ำขึ้น
 

ประเด็นสำคัญ

+/- MSCI Quarterly Rebalance: MSCI รายงานทบทวนรายไตรมาสเดือน พ.ค. โดยจะมีผลต่อราคาปิดวันที่ 31 พ.ค. ดังนี้ 1. MSCI Global Standard Index: เพิ่ม 88 บริษัท และถอดออก 109 บริษัท โดยประเทศไทยเพิ่ม 1 บริษัท ได้แก่ JMT และถอดออก 1 บริษัท ได้แก่ STGT (Vs ตลาดคาดเพิ่ม 2 หลักทรัพย์ คือ JMT และ COM7 และถอด 2 หลักทรัพย์ คือ STGT BGRIM) 2. MSCI Global Small Cap Index: เพิ่ม 490 บริษัท และถอดออก 330 บริษัท โดยประเทศไทยเพิ่ม 10 บริษัท และถอดออก 2 บริษัท โดยบริษัทที่เพิ่ม ได้แก่ ASK BYD DITTO FORTH KEX PSG SABUY STGT (ย้ายลงมาจาก Global Standard Index) STARK VIBHA และบริษัทที่ถูกถอดออก คือ JMT (ย้ายไป Global Standard Index) EASTW

- Thailand: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายหลักเกณฑ์เกี่ยวกับธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX regulatory framework) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. 2022 ใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ 1. โอนเงินตราต่างประเทศ (FX) ออกไป ยังต่างประเทศได้เสรีขึ้น และชำระ FX ในประเทศได้ตามความจำเป็น 2. ขยายขอบเขตการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้กว้างขึ้น โดยผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องมีความเสี่ยงจากการมีรายรับ-รายจ่ายสกุล FX กับต่างประเทศโดยตรงเท่านั้น 3. ไม่ต้องแสดงเอกสารการทำธุรกรรม FX หากธนาคารเข้าใจลักษณะธุรกิจและความเสี่ยง FX ของลูกค้าอยู่แล้ว

- UK: นักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะยังคงชะลอตัว 2Q22E โดยมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะหดตัวมากขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ฉุดรั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และลดกำลังซื้อของผู้บริโภค

+ USA: กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบ รายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 1.6% ในเดือน มี.ค. เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI ดีดตัวขึ้น 11% ในเดือน เม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.7% หลังจากพุ่งขึ้น 11.5% ในเดือน มี.ค.

- USA: กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 203,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ราย อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐฯ

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: JMT SMT BE8

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: TFG ESSO ADVANC