ศุลกากรหารือสภาอุตฯลดภาษีนำเข้า Car Seat

ศุลกากรหารือสภาอุตฯลดภาษีนำเข้า Car Seat

ศุลกากรเร่งหารือสภาอุตฯพิจารณาแนวทางลดภาษีนำเข้า Car Seat หวั่นกระทบผู้ผลิตในประเทศ คาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ เผยรายได้ต่อปีอยู่ที่หลัก 10 ล้านบาทเท่านั้น

นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมหาแนวทางลดภาษีนำเข้า Car Seat เพื่อสนับสนุนนโยบายความปลอดภัยของเด็กที่โดยสารรถยนต์ โดยอยู่ระหว่างการหารือในระดับนโยบายของกระทรวงการคลัง กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

“กรมฯ อยู่ในระหว่างการหารือกับสภาอุตฯ เพื่อพิจารณาแนวทางการลดภาษีนำเข้า Car Seat ให้ต่ำกว่าอัตราปัจจุบัน อยู่ที่ 20% เพื่อให้อัตราอากรของที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภคและไม่กระทบต่อผู้ผลิตในประเทศต่อไป

เขากล่าวว่า เหตุที่ต้องหารือร่วมกับสภาอุตฯ เนื่องจากเราต้องได้รับข้อมูลด้วยว่า หากเราปรับลดอัตราภาษีสินค้าดังกล่าวลงแล้ว จะกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศหรือไม่อย่างไร ฉะนั้น การหารือดังกล่าวก็เพื่อพิจารณาให้เกิดความรอบคอบ

ทั้งนี้ ปัจจุบันการนำเข้า Car Seat ดังกล่าวส่วนใหญ่จะได้รับการยกเว้นภาษีภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีหรือ FTA ขณะที่ การจัดเก็บภาษีที่ได้ในแต่ละปีจะอยู่หลัก 10 ล้านบาทเท่านั้น

สำหรับ ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (Car Seat) จัดเป็นของในประเภทพิกัด 9401.80.00 โดยมีอัตราอากรขาเข้าอยู่ที่ 20% แต่หากนำเข้าภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ที่ประเทศไทยมีอยู่กับหลายประเทศ ก็จะสามารถใช้สิทธิพิเศษยกเว้นอากรขาเข้าได้สำหรับทุกความตกลง FTA

ทั้งนี้ ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่การแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) ปี 2022 ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้ Car Seat ด้วย โดยบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

โดยมีสาระดังต่อไปนี้ คือ  ผู้ขับขี่ ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งตลอดเวลาในขณะขับรถยนต์ ,ส่วนคนโดยสารนั้น กรณี คนโดยสารที่นั่งแถวตอนหน้า และที่นั่งแถวตอนอื่น ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งตลอดเวลาในขณะโดยสารรถยนต์

ส่วน คนโดยสาร ที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ

 คนโดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด

 ในกรณีที่ผู้ขับขี่หรือคนโดยสารมีเหตุผลทางสุขภาพอันไม่สามารถรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งได้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง แต่บุคคลนั้นต้องมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ

ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก และที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย และวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุตามที่บัญญัติไว้ ให้เป็นไปตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประกาศกำหนด

 ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์