เกือบ 30 ปี 'อีสท์วอเตอร์' ส่งเงินเข้ารัฐแค่ 600 ล้าน !

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เร่งตรวจสอบความโปร่งใสโครงการท่อส่งน้ำ อีอีซีให้เสร็จภายใน 15 วัน จากนั้น จะจัดให้มีการแถลงผลการตรวจสอบเพื่อสร้างความโปร่งใสในการดำเนินโครงการก่อนจะเซ็นสัญญากับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สันติ พร้อมพัฒน์ ระบุ กระทรวงฯ จะเร่งตรวจสอบความโปร่งใสโครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออกหรืออีอีซี ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน หรือให้เสร็จสิ้นตามกำหนดในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ จากนั้นจะจัดให้มีการแถลงผลการตรวจสอบเพื่อสร้างความโปร่งใสในการดำเนินโครงการ ก่อนจะเซ็นสัญญากับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ผู้ชนะการประมูลรายใหม่

 

ที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่มีผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง วิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย เป็นประธาน โดยตรวจสอบใน 3 ประเด็น คือ 1.ตรวจสอบกระบวนการคัดเลือกว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

 

2.ตรวจสอบทางกายภาพระบบท่อส่งน้ำ สถานีสูบน้ำ และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการส่งมอบและรับมอบ โดยมิให้เกิดผลกระทบต่อการจัดทำระบบสาธารณูปโภค และหรือผู้ใช้น้ำ และ 3.พิจารณาข้อมูลปริมาณน้ำที่ส่งให้แก่ผู้ใช้น้ำ

เปรียบเทียบกับลักษณะทางกายภาพของท่อส่งน้ำว่ารายได้ที่นำส่งเป็นไปอย่างเหมาะสมหรือไม่เพียงใด

 

“การตั้งคนในกระทรวงการคลัง ตรวจสอบโครงการดังกล่าว ส่วนตัวมองว่า คณะกรรมการชุดนี้ รมว.คลังเป็นคนแต่งตั้งเอง ซึ่งท่านจะแต่งตั้งคนที่จะเข้าข้างคนผิดเหรอ ฉะนั้น ขอให้มั่นใจในกระบวนการตรวจสอบ”

สาเหตุที่กรมฯ ต้องมีการตรวจสอบโครงการดังกล่าว เนื่องจาก นายกรัฐมนตรีได้รับเรื่องร้องเรียนจากคณะบุคคล ซึ่งไปพูดในเชิงลบต่อโครงการดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีก็ได้ระบุว่า เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนไม่ว่ากลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่เราก็ต้องฟัง จึงขอให้ยืดเวลาในการเซ็นสัญญาโครงการนี้ไปก่อนเพื่อให้มีการตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน

 

ในช่วงที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้เปิดประมูลโครงการท่อส่งน้ำอีอีซีใหม่ เนื่องจาก ผู้สัมปทานเดิม คือ  บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรืออีสท์วอเตอร์ จะหมดสัญญาในการดำเนินโครงการท่อส่งน้ำที่ 1 ในปี 2566 ดังนั้นในช่วง 2 ปีก่อนจะหมดสัญญา กรมฯ จำเป็นต้องเปิดประมูลใหม่เพื่อให้โครงการดังกล่าวเดินหน้าได้ต่อไป

 

สำหรับผลประโยชน์ตอบแทนในการให้อีสท์วอเตอร์ เช่าหรือบริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 - 2564 คิดเป็นเงิน 600.87 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย 275.89 ล้านบาท โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ 209.6 ล้านบาท และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง ระยะที่ 2 อีก 115.38 ล้านบาท

ส่วนผู้ประกอบการ 2 รายที่เข้ายื่นประมูลจาก 5 รายที่กรมฯได้ส่งหนังสือเชิญชวนเข้าร่วมประมูล โดยผู้ที่ยื่นประมูลได้แก่ อีสท์วอเตอร์ และบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด โดยบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยวงเงิน 2.56 หมื่นล้านบาท ส่วนอีสท์วอเตอร์เสนอราคาที่ 2.42 หมื่นล้านบาท

 

ส่วนอีก 3 บริษัทที่ไม่ได้ยื่นประมูลเข้ามา ประกอบด้วย บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บมจ. ดับพลิวเอชเอ ยูทีลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ และบมจ.วิค

 

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์