PTTGC ไตรมาส1/65 กำไร 4,211 ล้านบาท วูบ 57% พบขาดทุนตราสารอนุพันธ์

PTTGC ไตรมาส1/65 กำไร 4,211 ล้านบาท วูบ 57%  พบขาดทุนตราสารอนุพันธ์

"พีทีที โกลบอล เคมิคอล" เผยไตรมาส 1/65 มีกำไร 4,211.66 ล้านบาท ลดลง 57% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุขาดทุนตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 8,500 ล้านบาท ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติ และมีรายได้จากการขายรวม 175,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% ยังเติบโตตามราคาน้ำมัน

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 4,211.66 ล้านบาท หรือ 0.93 บาท/หุ้น ลดลง 57% จากงวดเดียวกันปี 64 ที่มีกำไร 9,694.86 ล้านบาท หรือ 2.16 บาท/หุ้น

สำหรับในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากรายการมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับผลกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน

แต่พบผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง รายการพิเศษอื่นๆ) อยู่ที่ 6,236 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันปี 64 โดยมี Adjusted EBITDA ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 14,273 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/64

ทั้งนี้ หากรวมการรับรู้ผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Gain Net NRV) เป็นกำไรรวม 4,884 ล้านบาท ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 8,568 ล้านบาทโดยเป็นการรับรู้ที่เกิดขึ้น แล้ว (realized) จำนวน 2,573 ล้านบาท และที่ยังไม่เกิดขึ้น (unrealized) จำนวน 5,996 ล้านบาท ผลกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 595 ล้านบาท กำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน 1,066 ล้านบาท จึงส่งผลให้กำไรสุทธิลดลงดังที่กล่าวข้างต้น

บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 175,554 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 72% จากงวดเดียวกันปี 64 ตามรายได้จากการขายที่รับผลมาจากการปรับเพิ่มขึ้น ของราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ได้ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นช่วยหนุน จากทั้งอุปสงค์ที่ฟื้นตัวภายหลังจากโควิด-19 คลี่คลาย และสงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน ขณะที่ปริมาณขายรวมของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากรับรู้ผลประกอบการของบริษัท allnex ภายหลังจากเสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการในช่วงปลายไตรมาส 4/64

สำหรับความคืบหน้าโครงการสำคัญ โดยโครงการพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (Recycle Plant) กำลังการผลิต 45,000 ตันต่อปี จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2/65 โครงการพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง กำลังการผลิต 29,000 ตันต่อปี เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/65 โครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/66

สำหรับครึ่งปีหลัง 65 บริษัทฯ คาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยที่ 95-103 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม คาดว่าสถานการณ์ราคาและส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์จะยังอยู่ในระดับสูง ทั้งอุปสงค์ที่เติบโตจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์และการเปิดประเทศ รวมถึงอุปทานที่ตึงตัวจากโควต้าการส่งออกที่ลดลงของประเทศจีน และการควบคุมอุปทานจากกลุ่ม OPEC