ออลล์ อินสไปร์เบรกอสังหาฯ เบนเข็มลุยAMC-บริหารหนี้-คาร์บอนเครดิต

ออลล์ อินสไปร์เบรกอสังหาฯ เบนเข็มลุยAMC-บริหารหนี้-คาร์บอนเครดิต

ออลล์ อินสไปร์ เบนเข็มแตกไลน์3 ธุรกิจ "AMC-บริหารหนี้-คาร์บอนเครดิต"รับเมกะเทรนด์ผ่านการระดมทุนมูลค่า 1.4พันล้านตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 4.5พันล้าน

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า บริษัทได้ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ ภายใต้แนวคิด “All New Era” ที่มองหาโอกาสใหม่ เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจให้มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว นำพาองค์กรไปสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดด รองรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก ด้วยการก้าวสู่    "โฮลดิ้ง คอมพานี"เพื่อความคล่องตัวในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องรองรับการเติบโตในระยะยาว 

โดยจะระดมทุน1,400ล้านบาทเพื่อแตก3ไลน์ธุรกิจใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 1.รุกธุรกิจบริหารสินทรัพย์  (Assets Management :AMC) รูปแบบการดำเนินงานคือการจัดตั้งบริษัทใหม่ พร้อมจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงการควบรวมกิจการ และพร้อมเข้าประมูลกับสถาบันการเงิน คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 3ปีนี้ 

2.ธุรกิจบริหารหนี้สิน (Debt Management) เป็นการเข้าซื้อหนี้เสียมาบริหาร ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต หรือหนี้อื่นๆ และมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป และ 3.ธุรกิจคาร์บอนเครดิต (Carbon Credits)โดยการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก ซึ่งจะดำเนินธุรกิจ One Stop Service ซื้อ ขาย พัฒนา คาร์บอนเครดิต ผ่านบล็อกเชน รายแรกของประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มสร้างรายได้ในปี 2566 เป็นต้นไป

นายธนากร     กล่าวว่า สัดส่วนธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะเปลี่ยนเป็นจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ 30%, ธุรกิจบริหารหนี้สิน 30%, ธุรกิจคาร์บอนเครดิต 30% และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 10% ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างธุรกิจจะทำให้บริษัทมีพอร์ตธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น ช่วยกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และการตั้งเป้าเทิร์นอะราวด์ให้ธุรกิจกลับมาเติบโตรวดเร็วขึ้น 

  " การแตกไลน์ธุรกิจครั้งนี้จะสามารถปรับตัวและรับมือปัจจัยภายนอกได้เหมาะสมกับแต่ละประเภทธุรกิจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน มั่นใจว่าทั้ง 3 ธุรกิจ จะสามารถสร้างรายได้และกำไรในอัตราผลตอบแทนที่สูงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น" 

นายธนากร กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ 4,000-4,500 ล้านบาท และมีโอกาสที่จะพลิกมีกำไร จากการรับรู้รายได้จากธุรกิจ AMC และธุรกิจบริหารหนี้สินเข้ามาเสริมขณะที่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะลดลงเหลือ40% ของรายได้รวม ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง บริษัทวางเป้าหมายสร้างมาร์เก็ตแคป 30,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีจากนี้ จากปัจจุบันมีอยู่กว่า 2,000 ล้านบาท

“ช่วง 3 ปีจากนี้ เราจะไม่มีการพัฒนาโครงการใหม่ เพราะเรามองว่ายังไม่ใช่จังหวะ แต่ด้วยโครงการที่มีในมือของเรา ทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และที่ดินเปล่าที่มี มูลค่ารวมประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท จะรองรับการรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปีจากนี้ แต่ก็ไม่ปิดกันที่จะลงทุน ปัจจุบันบริษัทยังคงมีที่ดินเปล่าในมืออีกประมาณ 5-6 แปลงพร้อมขาย ” นายธนากร กล่าว