BCPG - กำไร 1Q หนุนจากกำไรขายโรงไฟฟ้าความร้อนพิภพ

BCPG - กำไร 1Q หนุนจากกำไรขายโรงไฟฟ้าความร้อนพิภพ

การดำเนินงานในภาพรวมดีขึ้น yoy จากโรงไฟฟ้าน้ำในลาว (น้ำสาน 3A, 3B) เนื่องจากปริมาณน้ำฝนสูงขึ้น และจากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าลมในฟิลิปปินส์ BCPG มีกำไรปกติที่ 517 ลบ.  -11.3% qoq และ +5.7% yoy

การลดลง qoq เป็นผลจากฤดูกาลของโรงไฟฟ้าน้ำในลาว และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้าความร้อนพิภพในอินโดฯ เพียง 2 เดือน ในม.ค. - ก.พ. เนื่องจาก BCPG ขายโรงไฟฟ้านี้วันที่ 3 มี.ค. และมีกำไรหลังภาษี 1.64 พันลบ. ใน 1Q BCPG มีรายการด้อยค่า 629 ลบ. จากใบอนุญาตโรงไฟฟ้าโซลาร์ Chiba 2 ในญี่ปุ่นล่าช้า และความเสี่ยงลูกหนี้ในลาว และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 154 ลบ. ใน 1Q เทียบกับขาดทุน 246 ลบ. ใน 4Q รายได้จากโรงไฟฟ้าโซลาร์และลมในไทยเพิ่มขึ้น 5.5% qoq จากค่า CF สูงขึ้นที่ 17.3% เทียบกับ 16.8% ใน 4Q CF ที่โรงไฟฟ้าลมลดลงเป็น 14.9% จาก 15.0% ใน 4Q น้ำสาน 3A และ 3B ในลาวอ่อนแอลง qoq โดยค่า CF ลดลงเป็น 31.2% เทียบกับ 56.5% ใน 4Q โรงไฟฟ้าลมในฟิลิปปินส์มีส่วนแบ่งกำไร 33.5 ลบ. (เทียบกับ 5.3 ลบ. ใน 4Q) เนื่องจากเป็นไฮซีซั่น BCPG มีกำไรสุทธิ 1.36 พันลบ. (0.47 บาท EPS) (+473% qoq, +160% yoy)

 

คาดโรงไฟฟ้าน้ำดีขึ้น เงินขายโรงไฟฟ้าความร้อนพิภพช่วยให้มี leverage สูงขึ้น

ค่า CF ของโรงไฟฟ้าน้ำสาน 3A และ 3B จะสูงขึ้นใน 2Q เนื่องจากฝนตกหนัก เราคาดค่า CF ของโรงไฟฟ้าน้ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% เทียบกับจุดคุ้มทุน 40% อย่างไรก็ตามกำไรอาจลดลงใน 2Q เนื่องจากไม่มีส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าความร้อนพิภพในอินโดฯ BCPG ได้เงิน 1.45 หมื่นลบ. จากการขายนี้และช่วยให้บริษัทใช้ leverage สูงขึ้นที่ 3.0 หมื่นลบ. เพื่อหนุนการเติบโต

 

ถือ TP 14.5 บาท

โรงไฟฟ้าลม Swan ใหม่ล่าช้าสองปีเป็น 2025 เนื่องจากสายส่ง 500KV จากลาวไปเวียดนามล่าช้า เรามองว่าเป็นเรื่องท้าทายที่ BCPG จะหากำลังการผลิตใหม่มาทดแทนในช่วงปี 2022-25 ซึ่งเป็นช่วงที่ adder 8บาท/kwh ของโรงไฟฟ้าโซลาร์ 3 แห่งหมดลง TP ของเราอ้างอิง 17.9x FY22F PE และ1.6x PBV (9% ROE)