JTS ไตรมาส 1/65 ทำกำไร 96.30 ล้านบาท พุ่ง 135.57% รับทรัพย์ขุดบิตคอยน์ ตามแผน

JTS ไตรมาส 1/65 ทำกำไร 96.30 ล้านบาท พุ่ง 135.57% รับทรัพย์ขุดบิตคอยน์ ตามแผน

“จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น” เผยไตรมาส 1/65 กำไรสุทธิ 96.30 ล้านบาท โต 135.57%  มีรายได้รวม 511.11 ล้านบาท โต 19.20% โชว์ธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ ทำรายได้ 25.23 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 100% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เดินหน้า JaTel ปี 65 ตามแผนมีเครื่องขุดบิตคอยน์ ทั้งสิ้น 3,525 เครื่อง

บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 96.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.42 ล้านบาท  คิดเป็น 135.57% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

 มีรายได้รวมจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 จำนวน 511.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.33 ล้านบาท คิดเป็น 19.20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

 

 

 

สำหรับธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์  มีรายได้จาก จำนวน 1 8.61 0321 26 เหรียญบิตคอยน์ คิดเป็นเงิน 25.23 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นคิดเป็น 100%  เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นจำนวน 11.83668318 เหรียญบิตคอยน์ คิดเป็นเงิน 12.92 ล้านบาท คิดเป็นเหรียญบิตคอยน์เพิ่มขึ้น 174.75% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2564
 

ทั้งนี้ ราคาถัวเฉลี่ยของเหรียญบิตคอยน์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 เท่ากับ 42,405.01 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 เท่ากับ 54,876.95 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ มีต้นทุนขาย และบริการ ต้นทุนเหมืองขุดบิตคอยน์ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 จำนวน 379.50 ล้านบาท ลดลง 7.38 ล้านบาท คิดเป็น 1.91% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 44.82 ล้านบาท คิดเป็น 10.56% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2564
 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้อื่นๆ ดังนี้ 

-  รายได้จากธุรกิจออกแบบ และวางระบบสื่อสาร และบริการโทรคมนาคมจำนวน 25.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.97 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.11  เนื่องจากบริษัท มีการขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอื่นๆ เพิ่มขึ้น 3.32 ล้านบาท  และงานออกแบบระบบวางท่อใต้ดินเพื่อรองรับสายสื่อสารสำหรับสถานีศูนย์ข้อมูล (Data Center) จำนวน 0.65 ล้านบาท

- รายได้จากธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม จำนวน 444.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.97 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.71 เนื่องจากรายได้จากการให้บริการวงจรเช่าในประเทศเพิ่มขึ้น 11.74 ล้านบาท รายได้ค่าบริการวงจรเช่าส่วนบุคคลระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 44.43 ล้านบาทและรายได้จากการให้บริการอื่น เพิ่มขึ้น 0.80 ล้านบาท

-รายได้จากธุรกิจจัดหา ออกแบบ และวางระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 13.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.16 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.60 เนื่องจากการขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น 1.56 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการคลาวด์เพิ่มขึ้น 0.60 ล้านบาท

- กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 0.84 ล้านบาท ลดลง 6.88 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 89.12 รายได้อื่น จำนวน 1.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.88 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 628.57
ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่าย

 

เป้าหมายและแผนธุรกิจในปี 2565 บริษัทมุ่งการ พัฒนาธุรกิจ  และสร้างความแตกต่าง เพื่อเพิ่มศักยภาพ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีของบริษัท ด้วยการลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์เป็นรายแรกของประเทศไทย นั้น ทางบริษัท ดำเนินการตามแผนธุรกิจในปี 2565 เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

โดยไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ทางบริษัท จัสเทลเน็ทเวิร์ค จำกัด ("JaSTel') ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และเป็นผู้ประกอบธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ มีจำนวนเครื่องขุดบิตคอยน์ที่ติดตั้งแล้วเสร็จจำนวน 525 เครื่อง กำลังขุดรวม 50,020 TH/s  และมีจำนวนเครื่องขุดบิตคอยน์ที่จะทยอย ส่งมอบในปี 2565 ทั้งสิ้น 3,000 เครื่อง โดยจะส่งมอบในไตรมาสที่ 2 จำนวน 1,200 เครื่อง ไตรมาสที่ 3 จำนวน 900 เครื่อง และไตรมาสที่ 4 จำนวน 900 เครื่อง

ทำให้ปลายปี 2565  ทาง JaTel จะมีเครื่องชุดบิตคอยน์ ที่ส่งมอบแล้วทั้งสิ้น 3,525 เครื่อง กำลังขุดรวมทั้งสิ้น 422,020 TH/S  ทั้งนี้ทางบริษัท อยู่ระหว่างการเจรจาการ สั่งซื้อเครื่องชุดบิตคอยน์เพื่อทำให้มีกำลังขุดรวมทั้งสิ้น 1,000,000TH/S ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

ในการประกอบธุรกิจเหมืองชุดบิตคอยน์นั้น มีปัจจัยที่ทางบริษัท ควบคุมได้ คือ จำนวนเครื่องขุดบิตคอยน์ กำลังการขุด รวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่าย เช่น ค่าไฟ และค่าบริหารจัดการภายในบริษัท ส่วนปัจจัยที่ทางบริษัท ควบคุมไม่ได้ คือ ราคาบิตคอยน์ ผลตอบแทนในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัลจากการขุดบิตคอยน์ อัตราแฮชของเครือข่าย (Neเwork Hashrate) และราคาเครื่องขูดบิตคอยน์ ซึ่งปัจจัยที่ทางบริษัท ควบคุมไม่ได้นั้นทางบริษัท ได้กำหนดแนวทางในการบริหารความเสี่ยงด้วยความระมัดระวัง และทำการติดตามโดยตลอดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัท และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

ในปี 2565 ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมมีการลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของบริการให้เช่าพื้นที่รับฝากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (IDC : Internet Data Center)  และการขยายโครงข่ายโทรคมนาคมรวมมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท เพื่อให้บริการลูกค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงขยายการให้บริการธุรกิจ Cloud AI และ Intemet of things (LoT)

 

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์