MONEY AND STOCK MARKET วันที่ 2-6 พฤษภาคม 2565

MONEY AND STOCK MARKET วันที่ 2-6 พฤษภาคม 2565

เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบผันผวน ขณะที่หุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน  เงินบาทผันผวน โดยเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าเกือบตลอดสัปดาห์ท่ามกลางกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับจังหวะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด 

•    หุ้นไทยปรับตัวลงตลอดสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแรงในการประชุมเดือนมิ.ย.
 

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทเผชิญแรงขายเกือบตลอดสัปดาห์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 ปีที่ 34.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงแรกสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียในภาพรวม ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ก่อนการประชุมเฟด อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกแข็งค่าช่วงสั้นๆ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อทำกำไรหลังผลการประชุมเฟด แม้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ไปที่กรอบ 0.75-1.00% ตามคาด แต่ก็ส่งสัญญาณไม่เร่งจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยเพราะคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ 

อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่ากลับมาอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงขายสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ และตลาดบางส่วนกลับมาประเมินว่า เฟดอาจต้องเร่งคุมเข้มดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. เพื่อสกัดเงินเฟ้อสหรัฐฯ

ในวันศุกร์ (6 พ.ค.) เงินบาทปิดตลาดที่ 34.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 เม.ย.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 2-6 พ.ค. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,543.2 ล้านบาท และมีสถานะเป็น NET OUTFLOW ออกจากตลาดพันธบัตร 6,971.2 ล้านบาท (มาจาก การขายสุทธิพันธบัตร 6,940.3 ล้านบาท และมีตราสารหนี้หมดอายุ 30.9 ล้านบาท)

MONEY AND STOCK MARKET วันที่ 2-6 พฤษภาคม 2565

 

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (9-13 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 33.80-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ  ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาการนำเข้า/ส่งออกเดือนเม.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. (เบื้องต้น) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ของจีน อาทิ การส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวน  

 

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

หุ้นไทยปรับตัวลงตลอดสัปดาห์ โดยเผชิญแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติในช่วงก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และยังคงร่วงลงต่อเนื่องตามตลาดหุ้นต่างประเทศในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ทั้งนี้แม้เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และประธานเฟดยืนยันว่า ยังไม่ได้พิจารณาที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 0.75% แต่บรรยากาศการลงทุนในภาพรวมยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า   

ในวันศุกร์ (6 พ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,629.58 จุด ลดลง 2.27% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 72,389.74 ล้านบาท ลดลง 4.35% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 6.28% มาปิดที่ 627.78 จุด     

MONEY AND STOCK MARKET วันที่ 2-6 พฤษภาคม 2565

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (9-13 พ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,615 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,645 และ 1,660 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/65 ของบจ. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย. ของจีน