'ภากร' ชี้ ' เปิดประเทศ' จุดขาย ดูดฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทยต่อ

'ภากร'  ชี้  ' เปิดประเทศ' จุดขาย ดูดฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทยต่อ

"ภากร ปีตธวัชชัย" มอง "เปิดประเทศ" หนุนเศรษฐกิจไทยปีนี้ฟื้นตัว แม้ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ หุ้นไทย ยังน่าสนใจในสายตานักลงทุนต่างชาติ มั่นใจหลังจากนี้ กระแสฟันด์โฟลว์ ยังไหลเข้าต่อเนื่อง จาก 4 เดือนแรกที่ผ่านมานี้ ต่างชาติซื้อสุทธิราม 118,120 ล้านบาท

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลท. เปิดเผยว่า แนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติหลังจากนี้ มองว่า ยังมีโอกาสไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจากในช่วง 5 เดือนมานี้  (ธ.ค. 2564-เม.ย. 2565 ) ต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย  ทำให้ใน 4 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิราม 118,120 ล้านบาท  แม้ไทยยังไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทย มีปัจจัยสนับสนุนที่แตกต่างและน่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ  โดยเฉพาะ  แนวทางการ "เปิดประเทศ" ตามนโยบายของรัฐบาล ถือเป็น "จุดขาย"  ของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จากปีก่อนเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวดีเท่ากับประเทศอื่นๆ 

  

 

 

 

รวมถึงอัตราเงินเฟ้อไทยยังอยู่ระกับ 4-5 %  ไม่สูงเท่าประเทศอื่นๆ  และหลายหลายกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศ ยังมีทิศทางเติบโตสอดคล้องกับพื้นฐานการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่จะกลับมา  และที่สำคัญการส่งออกไทยยังเติบโตสูงช่วยผยุงเศรษฐกิจ 

"หลังจากนี้แม้ว่า กระแสฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าตลาดหุ้นในประเทศที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่เรามองว่าปัจจัยดอกเบี้ยเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ขณะที่ตลาดหุ้นไทย มีจุดแตกต่างจากที่อื่นอยู่ และต่างชาติยังให้ความสนใจ ตอนนี้เรากำลังฟื้นแบบ K Shape  สำหรับ K ด้านบน มีอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวแล้ว ส่วน K ด้านล่าง หลายอุตสาหกรรมกำลังดีขึ้นจากการเปิดประเทศ"   

 

\'ภากร\'  ชี้  \' เปิดประเทศ\' จุดขาย ดูดฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทยต่อ

สรุปสถิติสำคัญตลาดหลักทรัพย์ไทย เมษายน 2565
-กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิโลกในปี 2565จากที่ประกาศในคราวก่อนหน้า ผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ปรับตัวสูงขึ้นมาก
โดยเฉพาะราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงจนถึงปี 2586 นอกจากนี้ การประกาศ Lock
Down  อย่างเข้มงาดในจีนตามนโยบาย Zero COVID Policy ทำให้ผู้ลงทุนกังวลเศรษฐกิจจีนซะลอตัว และเป็นการซ้ำเติมปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลก

 

-ธนาคารกลางในหลายประเทศทั่วโลกถูกดดัน ให้ต้องเลือกระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อโดยดำเนินนยบายการเงินแบบตึงตัวมากขึ้น กับการรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังฟื้นตัวหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19  โดยนักวิเคราะห์คาดว่า FED  จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาด ทำให้  Real Yield ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับดัชนีหุ้นสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างชาติย้ายเงินทุนกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นในภูมิภาค ASEAN โดยใน 4 เดือนแรกปี 2565 มีเงินลงทุนย้ายมายังตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีการเติบโตสูงกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อีกทั้งนักวิเคราะห์ยังคงอัตรากำไรต่อหุ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่เพิ่มขึ้น 10% จากสิ้นปี 2564

- ณ เดือนเมษายน 2565 SET Index ปิดที่ 1,667.44 จุด ปรับลดลง 1.6% จากเดือนก่อนหน้าซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ยังปรับเพิ่มขึ้น 0.6% โดยได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับลิ้นปี 2584 ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มทรัพยากร


-ในเดือยเมษายน 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 82,322 ล้านบาท ลดลง 11.8% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 4 เดือนแรกปี  2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 93,245 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศกลับมามีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 43,759 ของ
มูลค่าการซื้อขายรวม  ตามด้วยผู้ลงทุนต่างประเทศ 41.48% ซึ่งผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5  โดยในเดือนเมษายน 2565 ผู้ลงทุน
ต่างชาติซื้อสุทธิ 9,780 ล้านมาท ทำให้ใน 4 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิราม 118,120 ล้านบาท

-ในเดือนเมษายน 2565 มีบริษัทเข้าจทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 1 บริษัท ได้แก่ บมจ.เจดีฟู้ด(IDF) และใน mai 1 บริษัท ได้แก่ บมจ.ตาซำนิ (CEYE)