กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กางแผนทำงาน ลุยทำเอฟทีเอ ดันเอเปคฟื้นเศรษฐกิจ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กางแผนทำงาน ลุยทำเอฟทีเอ ดันเอเปคฟื้นเศรษฐกิจ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โชว์แผนการทำงานก้าวสู่ปีที่ 81 ตั้งเป้าทำเอฟทีเอกับคู่ค้าครอบคลุม 80% ของประเทศคู่ค้าไทย พร้อมกางแผนทำงานปี 65 ลุยปิดดีล เอฟทีเอ คงค้าง อัพเกรด ศึกษาเอฟทีเอใหม่ ผลักดันเอเปคฟื้นฟูเศรษฐกิจ เผย ยังมีแผนใช้เวที JTC แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ของกรมฯ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ครบรอบ 80 ปี ว่า กรมฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์การทำงานในอีก 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2565-2570) โดยตั้งเป้าที่จะผลักดันการเจรจาความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ (FTA) กับประเทศคู่ค้า ให้ครอบคลุม 80% ของสัดส่วนการค้าไทยกับโลก ซึ่งปัจจุบันการทำ FTA กับคู่ค้า มีสัดส่วนอยู่ที่ 64% เมื่อเทียบกับอาเซียน อาทิ สิงคโปร์ทำ FTA กับประเทศทั่วโลก สูงถึง 96% เวียดนาม 73% อินโดนีเซีย 67% และฟิลิปปินส์ 71% ดังนั้น กรมฯ จึงต้องเร่งผลักดันการเจรจาจัดทำ FTA กับคู่ค้าเพิ่มขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าสินค้า บริการและการลงทุน ให้กับผู้ประกอบการไทย

โดยในปีนี้ กรมฯ มีแผนที่จะผลักดันการเจรจา FTA คงค้างให้ได้ข้อยุติ อาทิ ไทย-ตุรกี ไทย-ปากีสถาน ไทย-ศรีลังกา โดย FTA ไทย-ตุรกี มีแนวโน้มที่จะสรุปผลการเจรจาได้ภายในปีนี้ และจะเร่งเปิดเจรจา FTA ฉบับใหม่ ได้แก่ ไทย-สมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) และไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ซึ่ง FTA ไทย-EFTA และการอัพเกรด FTA ในกรอบอาเซียนกับคู่เจรจา ได้แก่ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ กำลังอยู่ระหว่างการเสนอกรอบการเจรจาให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา รวมทั้งมีแผนศึกษาทำ FTA กับประเทศที่ภาคเอกชนเสนอ อาทิ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และละตินอเมริกา

 

 

แม้กรมฯ จะเร่งเดินหน้าการเจรจา FTA เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน แต่จะดำเนินการไปพร้อมกับการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร และผู้ประกอบการ โดยได้ผลักดันให้มีการจัดตั้งกองทุน FTA แบบถาวร ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนของกระทรวงการคลังแล้ว และอยู่ระหว่างการเสนอ ครม. เพื่อพิจารณา

สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (MRT) ระหว่างวันที่ 19-22 พ.ค. โดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ซึ่งจะผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Model) การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน การฟื้นฟูการท่องเที่ยว การเปิดการค้าเสรี การรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค การก้าวไปสู่สังคมดิจิทัล การส่งเสริมแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ การส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ความมั่นคงทางอาหารและการเกษตร และที่สำคัญจะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการค้า การลงทุน ให้รองรับรูปแบบการค้าใหม่สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่เผชิญกับการแพร่ระบาดโควิด-19 การอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีน สินค้าจำเป็น การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของสมาชิกเอเปค

ในส่วนของการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก (WTO) ในเดือนมิ.ย.นี้ จะร่วมกับสมาชิกผลักดันการจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง การลดการอุดหนุนภายในสินค้าเกษตร การปฏิรูป WTO เพื่อให้เป็นองค์กรที่สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการเพิ่มบทบาทของ WTO ในการรับมือกับโควิด-19 และการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19

 

กรมฯ ยังมีแผนใช้เวทีการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้า (Joint Trade Committee : JTC) กับประเทศคู่ค้าสำคัญ เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้า และกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ โดยในปีนี้ ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JTC ระดับรัฐมนตรี กับเวียดนาม และภูฏานแล้ว เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา และมีแผนจะประชุม JTC กับประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร มัลดีฟส์  จีนและบังกลาเทศ ในปีนี้ด้วย

นอกจากนี้ จะเดินหน้านำผลสำเร็จจากการเจรจา FTA ในกรอบต่างๆ ไปสู่การปฏิบัติจริง โดยจะลงพื้นที่ไปพบปะกับเกษตรกร และผู้ประกอบการในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อไปแนะนำ ให้ข้อเสนอแนะ ชี้โอกาส และลู่ทางการใช้ประโยชน์จาก FTA ในการทำตลาดต่างประเทศ โดยมีแผนที่จะลงพื้นที่ อาทิ โครงการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ FTA Center ระดับจังหวัด ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 27-29 พ.ค.2565 ณ จ.พะเยา โครงการพัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี (ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 10 -12 มิ.ย. 2565 ณ จ.นครศรีธรรมราช โครงการการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่ตลาดการค้าเสรีอาเซียน ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 16-18 มิ.ย. 2565 ณ จ.นราธิวาส โครงการเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี (ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ) ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 18-20 ส.ค. 2565 ณ จ.แม่ฮ่องสอน

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์