“สราวุฒิ อยู่วิทยา” ขอนำทัพธุรกิจ TCP เคลื่อนยอดขายต้องโต 2 เท่าใน 3 ปี

“สราวุฒิ อยู่วิทยา” ขอนำทัพธุรกิจ TCP  เคลื่อนยอดขายต้องโต 2 เท่าใน 3 ปี

คุยกับแม่ทัพใหญ่ กลุ่มธุรกิจ TCP “สราวุฒิ อยู่วิทยา” กับการสานภารกิจสร้างการเติบโตขององค์กรครั้งใหม่ ผลักดันยอดขายแตะ 90,000 ล้านบาท จากปี 2564 ปิดยอดขาย 44,000-45,000 ล้านบาท หวนลงทุนใหญ่ในจีน แตกแบรนด์ใหม่ ฉีกกฎปั้นสินค้าต่อยอด "กระทิงแดง" เคลื่อนทุนไทยยิ่งใหญ่ในโลก

เมื่อวางเป้าหมายทางธุรกิจที่ท้าทายตัวเองมากๆ ทำให้เป้าเดิมไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะระหว่างทางเจอสารพัดขวากหนาม แต่ปี 2565 “สราวุฒิ อยู่วิทยา” ลั่นนำทัพกลุ่มธุรกิจTCP หรือกระทิงแดง เติบโตต่อ โดย 3 ปีข้างหน้า ต้องเห็นยอดขาย 90,000 ล้านบาท!! จากปี 2564 มียอดขาย 44,000-45,000 ล้านบาท พร้อมมุ่งสู่การเป็น Houde Of Great Brand

ย้อนไป 5 ปี องค์กรเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของไทยและมีแบรนด์ระดับโลก “RedBull” ทรานส์ฟอร์มธุรกิจครั้งสำคัญ รวมทุกแบรนด์ ทุกธุรกิจมาอยู่ในอาณาจักร เป็น Houde Of Brand พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ ทั้งลงทุนใหญ่ “หมื่นล้าน” หวังขับเคลื่อนยอดขายแตะ 100,00 ล้านบาท

ทว่า เป้าใหญ่ไปไม่ถึง เพราะระหว่างทางเต็มไปด้วยโจทย์ยากมากมาย ทั้งปมของทายาท “ตระกูลอยู่วิทยา” ที่กระทบภาพลักษณ์แบรนด์มหาศาล ตลาดจีนหมุดหมายใหญ่ เจออุปสรรคกับพันธมิตรเดิม รวมถึงวิกฤติใหญ่ที่ทั้งโลกเผชิญอย่างการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

แม้ผลงานตัวเลขไปไม่ถึงเป้า แต่บริษัทได้บทเรียนใหญ่มากมาย ที่ทำให้นำมาปรับตัว ยิ่งกว่านั้นคือการ “วางเป้าหมายธุรกิจครั้งใหม่” เพื่อสร้างการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้า

สราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทีซีพี( TCP) หรือกระทิงแดง เปิดองค์กรต้อนรับสื่อ พร้อมเล่ายุทธศาสตร์ 3 ปีข้างหน้า

“วันนี้จะมาพูดเป้าหมายใหม่ของกลุ่มธุรกิจ TCP หลังจาก 5 ปีก่อน เราประกาศจะนำพาองค์กรธุรกิจไทยเติบโตยิ่งใหญ่ในเวทีโลก” เขาเปิดฉากเล่าแผน

สำหรับแนวทางธุรกิจที่วางไว้เริ่มจากปรับ Tagline ใหม่บอกทิศทางที่จะเดินของแบรนด์คือการ “ปลุกพลัง เพื่อวันที่ดีกว่า” แทน “ส่งต่อพลังชัยชนะ”

“สราวุฒิ อยู่วิทยา” ขอนำทัพธุรกิจ TCP  เคลื่อนยอดขายต้องโต 2 เท่าใน 3 ปี กลยุทธ์ 3 ด้านจะเป็นแรงส่งให้การปลุกพลังเพื่อวันที่ดีกว่าประสบความสำเร็จ ดังนี้

กลยุทธ์แรก ปลุกพลังแบรนด์สินค้า (Fulfilling) กลุ่มธุรกิจ TCP มี “กระทิงแดง” เป็นแบรนด์หัวหอกกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังทำเงินให้บริษัท อีกทั้งดังไกลระดับโลกมานานแล้ว มี “สปอนเซอร์” เจ้าตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ เป็นต้น แต่การโตต่อต้องมี “จิ๊กซอว์” ใหม่ๆมาเติม ดังนั้น จึงวาดเป้าปั้น 5 แบรนด์ใหม่ และสินค้าใหม่ทำตลาด

สินค้าใหม่ที่มองไว้ จะเกาะเกี่ยวกระแส “สุขภาพ” เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่แค่สินค้าใหม่ต้องเอาใจผู้บริโภครักสุขภาพ โดยมี “กระทิงแดง”​ เป็นพระเอก แต่ต้องฉีกกฏเดิมๆ เติมคุณประโยชน์มากขึ้น สูตรปราศจากน้ำตาล รสชาติใหม่ มีนวัตกรรมสร้างความตื่นเต้นให้ตลาด รวมถึงปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย เป็นต้น โดยสินค้าใหม่ภายใต้กระทิงแดงจะเห็นไม่ต่ำกว่า 10 ตัวภายใน 3 ปีข้างหน้า

กลยุทธ์ที่ 2 ปลุกพลัง ธุรกิจเติบโต (Growing) ธุรกิจจะโตได้ ต้องขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการขยายกิจการต้องมี “เงินลงทุน” สนับสนุน บริษัทจึงวางงบก้อนโต 12,000 ล้านบาท แบ่งใช้หลายส่วน เช่น 1,100 ล้านหยวน หรือคิดเป็นมูลค่าราว 5,000 ล้านบาท ลงทุนสร้างโรงงานในประเทศจีน ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดงกว่า 1,400 ล้านกระป๋องต่อปี

จีนเป็นตลาดใหญ่ ที่กระทิงแดงเข้าไปจับจองเป็นเจ้าแห่งเครื่องดื่มชูกำลังกว่า 20 ปี แต่หลังหมดสัญญากันพันธมิตร กลับเกิดปมปัญหาใหญ่ ทำให้การค้าขายหยุดชะงักลงไป เสียโอกาสด้านยอดขายไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม การกลับไปลงทุนอีกครั้ง “รัฐบาลจีน” อ้าแขนรับและส่งเสริมการลงทุนของบริษัทอย่างดี อีกทั้งการสร้างโรงงานในจีนตะวันตก เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน แดนมังกรจะเป็นตัวแปรสร้างการเติบโตให้บริษัทอย่างมาก เพราะจีนเป็นตลาดเครื่องดื่มชูกำลังใหญ่อันดับ 1 หรือ 2 ของโลก

“สราวุฒิ อยู่วิทยา” ขอนำทัพธุรกิจ TCP  เคลื่อนยอดขายต้องโต 2 เท่าใน 3 ปี

เงินลงทุนที่เหลือ จะใช้ทั้งขยายกำลังการผลิตสินค้าในเวียดนาม ในไทย เป็นต้น รวมถึงการปรับพื้นที่ทำงานในองค์กรรับพฤติกรรมชาวออฟฟิศที่เปลี่ยนไป ต้องการทำงานที่บ้าน(Work from home) และทำงานที่ออฟฟิศ เป็นต้น

กลยุทธ์ที่ 3 ปลุกพลังห่วงใยสิ่งแวดล้อม (Caring) ปัจจุบันการค้าขายเปลี่ยนแปลงบริบทมากมาย ยิ่งกว่านั้น “กำแพงการค้า" ยังปรับตามด้วย โลกหยิบยกแผนธุรกิจยั่งยืนเป็นแรงกดดันให้ผู้ผลิตสินค้าต้องยกระดับการผลิตทั้งซัพพลายเชน

สราวุฒิ ฉายภาพการเคลื่อนธุรกิจยั่งยืนของบริษัท ดำเนินการมากว่า 60 ปีแล้ว แต่จากนี้ไปจะเข้มข้นขึ้น ด้วยการเดินหน้ายระดับการทำกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มุ่งเน้น 3 เรื่องเร่งด่วน ได้แก่ การตั้งเป้า “เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)” จากทุกกระบวนการทำงานทั้งธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศ ภายในปี 2593

ด้าน “บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน Circular Economy” จะพัฒนาบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ในกลุ่มธุรกิจ TCP ให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2567 จับมือกับพันธมิตรที่เป็นองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก เพื่อสนับสนุนการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคทั้งขวดแก้ว กระป๋องอลูมิเนียม และขวดพลาสติกเข้าสู่ระบบ กลับเข้ามาสู่วงจรการรีไซเคิล

“สราวุฒิ อยู่วิทยา” ขอนำทัพธุรกิจ TCP  เคลื่อนยอดขายต้องโต 2 เท่าใน 3 ปี ด้าน “Water Sustainability การจัดการน้ำยั่งยืน” ตั้งเป้าคืนน้ำกลับสู่ธรรมชาติและชุมชนให้มากกว่าน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิต (Net Water Positive) ภายในปีพ.ศ. 2573 โดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ลดการใช้น้ำ และทำงานร่วมกับพันธมิตรและชุมชนใน 3 ประเทศ คือ ไทย จีน และเวียดนาม ​ที่มีโรงงานตั้งอยู่ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ทรัพยากรน้ำในพื้นที่ดังกล่าว

“ทุกคนทราบดีว่า 5 ปีที่ผ่านมา โลกเต็มไปด้วยความวุ่นวาย สถานการณ์เปลี่ยนเร็ว แรง โควิดอาละวาด ปั่นป่วนธุรกิจทั่วโลก เกิดดิจิทัล ดิสรัปชั่นรุนแรง สภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้งในภูมิภาค สงคราม ภาวะเงินเฟ้อ สิ่งเหล่านี้เราคุมไม่ได้ และทำให้เกิดการปรับตัว ผมและผู้บริหารจึงคิดหาแนวทางเคลื่อนธุรกิจต่อ เพื่อรับการเปลี่ยนแปลง จึงลุยเป้าหมายใหม่ ปลุกพลังเพื่อวันที่ดีกว่า ปลุกให้ทุกคนเดินหน้า พร้อมมีเป้าหมายทำให้โลกดีขึ้น”