จับสัญญาณส่งออกไทยเริ่มชะลอตัว ยังต้องลุ้นเม.ย. ยังไปต่อหรือไม่

จับสัญญาณส่งออกไทยเริ่มชะลอตัว ยังต้องลุ้นเม.ย. ยังไปต่อหรือไม่

ส่งออกทองคำเดือนมี.ค.พุ่งกว่า 1,000 % ดันอัตราการขยายตัว 19.5% และมูลค่าส่งออกไทยสูงในรอบ 30 ปี ขณะที่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 บวกกับตลาดหลักของไทยเริ่มขยายตัวลดลง บ่งบอกสัญญาณภาวะการส่งออกไทยเริ่มชะลอตัว

อย่าเพิ่งดีใจ  ที่เห็นตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมี.ค.2565 ขยายตัว 19.5%  มีมูลค่า28,859.6 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มบันทึกสถิติในปี 2534 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ 8.9%  โดยการส่งออกเดือนมี.ค.เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่  13 เดือน

ปัจจัยที่ดันการส่งออกไทยขยายตัวต่อเนื่องมาจากความต้องการสินค้าทั่วโลกที่แข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศที่คลี่คลายลง นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลก (Global Manufacturing PMI) อยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 โดยการจ้างงาน และการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเร่งตัวขึ้น บ่งชี้ว่าประเทศคู่ค้าสำคัญยังมีแนวโน้มเติบโต สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลต่อมูลค่าการส่งออกรวมค่อนข้างจำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนการส่งออกน้อย ในขณะเดียวกันจะเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปตลาดโลกได้มากขึ้น

ส่วนภาพรวม 3 เดือนแรกหรือไตรมาสแรกปี  2565 ขยายตัว 14.9% เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยยังขยายตัว 8.7%  ชี้ให้เห็นว่า การส่งออกยังเป็นฟันเฟืองสำคัญช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการส่งออกไทยในเดือนมี.ค.จะขยายตัวต่อเนื่องจริงแต่หากดูลึกลงไปไม่ได้สะท้อนถึงภาวะการค้าที่แท้จริง เพราะอัตราที่ขยายตัวมาจากการส่งออกทองคำที่ไม่ขึ้นรูปขยายตัวถึง  1,046.7 % และคอมพิวเตอร์ อัญมณีและเครื่องประดับ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ น้ำตาลทราย

แต่สินค้าหลักสำคัญของไทยทั้งยานยนต์ส่งออกลดลง 12.8 %  รถยนต์นั่งลด 2.6 % รถปิกอัพ รถบรรทุก ลด 29%  ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ลด 4.2 % ซึ่งเป็นการส่งออกที่ลดลงต่อเนื่อง 3 เดือน ในตลาดออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม และสหรัฐ ส่วนเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ติดลบ 6.1% ถือเป็นกลับมาติดลบในรอบ 7 เดือน ในตลาดเวียดนาม ไต้หวัน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย

ด้านตลาดส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ยังคงขยายตัว แม้จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในบางตลาด ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน และการใช้มาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 ที่เข้มงวดมากขึ้นของจีน โดย ตลาดหลัก ขยายตัว12.7 %โดยขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ  21.5%  จีน  3.2%  ญี่ปุ่น 1.0 %  อาเซียน (5) 34.8 %   CLMV  1.0%  และสหภาพยุโรป (27)  6.9% ส่วนตลาดรอง ขยายตัว 10.2 %  ขยายตัวในตลาดเอเชียใต้  36.4  %   ตะวันออกกลาง  29.5%   ลาตินอเมริกา 2.2%    และทวีปแอฟริกา 4.8%   ขณะที่ทวีปออสเตรเลีย และรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS หดตัว 1.3 %  และ 65.9%   ตามลำดับ และ (3) ตลาดอื่น ๆ ขยายตัว 1,411.6%  อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ ขยายตัว  2,865.2%  

ส่วนการส่งออกไทยไปรัสเซียในเดือนมี.ค. หดตัวถึง 73% และส่งออกไปยูเครน หดตัวถึง 77.8% แต่ตลาดรัสเซียและยูเครน มีสัดส่วนการส่งออกของไทยแค่  0.43% ของการส่งออกทั้งหมด

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งออกทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) สะท้อนมุมมองว่า   ตัวเลขส่งออกเดือน มี.ค.2565 แม้มูลค่าการส่งออกสูงสุดในรอบ 30 ปี แต่ สรท.กังวลการส่งออกสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก เช่น การส่งออกยานยนต์เดือน มี.ค.ติดลบ 13% ในขณะที่การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าจากที่เคยโต 2 หลัก เดือนนี้กลับมาโตแค่หลักเดียว รวมทั้งยางพารากลับมาติดลบ 6% จากผลผลิตที่ลดลง 

ส่วนตลาดส่งออกหลักของไทยส่งออกขยายตัวลดลง เช่น จีน 3% , ญี่ปุ่น 1% , อียู 6.9% ซึ่งต่างจากเดือน ก.พ.ที่ขยายตัวมาก จึงต้องจับตาการส่งออกเดือน เม.ย.นี้ 

แม้การส่งออกมี.ค.จะมีอัตราการขยายตัวดี และมูลค่าที่สูงสุดในรอบ 30 ปี แต่การส่งออกเดือนนี้ได้รับอานิสงค์จาการส่งออกทองคำซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง  แต่หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวได้เพียง 8.9 % ส่วนสินค้าที่เป็นเช็คเตอร์หลักของไทยกลับส่งออกลดลงต่อเนื่อง ถือเป็นการการส่งสัญญาณการส่งออกของไทยที่เริ่มชะลอตัวลงจากผลกระทบทางอ้อมของสงครามรัสเซียและยูเครนที่ฉุดเศรษฐกิจยุโรป และสหรัฐ

ขณะที่ตลาดจีนที่ขณะนี้กำลังมีปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องใช้มาตรการ Zero-Covid  ล็อคดาวน์เมืองเซียงไฮ้และอาจลามไปยังเมืองอื่นๆ ซึ่งหากผลกระทบขยายวงกว้างก็ย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยเพราะจีนเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก และยังเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยได้  คงต้องจับการภาวะการส่งออกของไทในเดือนเม.ย.ว่า จะเป็นอย่างไรซึ่งก็น่าจะเป็นภาพของการส่งออกที่แท้จริงของไทย