ภูเก็ตคาด ‘อาหรับ-อินเดีย-ออสซี่’ มาไทย 40%

นายกสมาคมท่องเที่ยวภูเก็ต มั่นใจ ปรับมาตรการเข้าประเทศทำนักท่องเที่ยวกลับมา 30-40% เทียบตัวเลขของปี 2019 คาดมี 3 ประเทศแรกเข้ามา ได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดียและตะวันออกกลาง หากรัฐบาลต่ออายุ “เราเที่ยวด้วยกัน” จะดึง นทท.คนไทยเข้ามาเสริม ประคองเศรษฐกิจภูเก็ต

สืบเนื่องจาก ศบค.ได้มีมติให้มีการปรับเปลี่ยนมาตรการการเข้า-ออกราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่น้องคนไทยที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตในช่วงสงกรานต์เป็นจำนวนมาก และเป็นการตอกย้ำว่า ภูเก็ตในอดีตมีนักท่องเที่ยวคนไทยเป็นลูกค้าหลัก และจะพยายามดูแลนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้ดีที่สุดต่อไป แต่เมื่อหมดเทศกาลจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยจะลดน้อยตามลำดับ และคาดหวังว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม2565 ซึ่งมีการปรับเงื่อนไขในการเข้าประเทศ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น แม้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่มากเท่ากับปี 2019 แต่ประเมินกันว่าจะกลับมาประมาณ 30-40% ของปี 2019 เนื่องจากในช่วงพฤษภาคม- มิถุนายน เป็นช่วงโลว์ซีซัน ซึ่งนักท่องเที่ยวมีจำนวนน้อยอยู่แล้ว และก่อนเกิดโควิด-19 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเสริม แต่ขณะนี้จีนยังประสบกับปัญหาโควิดเช่นกัน
 

“เมื่อมีการเปิดประเทศแล้วคาดว่า 3 ตลาด ที่จะเดินทางเข้ามาและจะเสริมในช่วงโลว์ซีซัน ได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดียและตะวันออกกลาง รวมถึงหากรัฐบาลต่ออายุโครงการเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จะมีคนไทยมาเสริม และจะประคับประคองเศรษฐกิจของภูเก็ตไปได้อีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสมาคมฯ จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศออสเตรเลียใน 3 เมืองหลัก ได้แก่ ซิดนีย์ บริสเบนและเมลเบิร์น ก่อนจะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียและอิสราเอล รวมถึงอินเดียในลำดับต่อไป เนื่องจากตลาดอินเดียมีการเติบโตเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา จาก 2 เหตุผล คือ คนอินเดียมีกำลังซื้อค่อนข้างมาก และมีเที่ยวบินตรงเข้าภูเก็ต จากเดิมในอดีตต้องบินเข้ากรุงเทพฯ ก่อน ซึ่งมีความยากลำบากในการต่อเที่ยวบิน และจะเข้ามาในรูปแบบของครอบครัวจะใช้เวลาอยู่ภูเก็ต 4-5 วัน, มาจัดงานแต่งงาน ซึ่งในระยะหลังๆ มีมากขึ้น และมาทำธุรกิจ ประกอบกับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศที่มีมายาวนาน และมีการค้าขายระหว่างกันมาโดยตลอดอยู่แล้ว รวมถึงการเดนทางเข้ามาที่ง่ายขึ้น”

นายภูมิกิตติ์ ยังกล่าวด้วยว่า เนื่องจากเศรษฐกิจของภูเก็ต ซึ่งทางผู้ว่าฯ พูดเสนอบอกว่า เป็นเศรษฐกิจเสาพระภูมิ หรือเศรษฐกิจขาเดียว ดังนั้นในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพยายามแตกยอดของธุรกิจออกไป และที่สำคัญ ขณะนี้ คือ การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงานจัดงาน Specialised Expo ณ จังหวัดภูเก็ต ภายใต้ชื่องาน EXPO 2028 ซึ่งคณะกรรมการฯ จะเดินทางมาตรวจความพร้อมในเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกับอนาคตภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงผลดีของการเปิดประเทศในเดือนพฤษภาคมนี้ว่า หากเทียบในช่วงที่มีการเปลี่ยนจากแซนด์บ็อกซ์เป็นเทสต์แอนด์โก ทำให้เราได้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า จากเดิมมีนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ 400-500 คน เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเป็น 2,000-3,000 คน ดังนั้นเชื่อว่าเมื่อมีการปรับเปลี่ยนมาตรการเข้าราชอาณาจักรในลักษณะที่ผ่อนคลายอย่างมากจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3 เท่า จากปัจจุบันที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาวันละ 3,000 คน จะเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 คนในอนาคตอันใกล้ และหากในช่วง 4 เดือน คือ มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน นักท่องเที่ยวกลับมาประมาณ 40% ของปี 2019 เชื่อว่าไฮซีซั่นปลายปี จะมีการเปิดให้บริการที่พักเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันซึ่งเปิดอยู่ประมาณ 30-40% ของห้องพักที่มีอยู่ประมาณ 100,000 ห้อง แต่หากเป็นโรงแรมขนาดเล็กอาจจะยังไม่สามารถเปิดได้มากนัก เนื่องจากจะต้องใช้งบในการปรับปรุงมากพอสมควร