"JCB" จับมือ "SoftSpace" ขยายธุรกิจ สร้างมูลค่าและโซลูชันใหม่ให้ลูกค้า

"JCB" จับมือ "SoftSpace" ขยายธุรกิจ สร้างมูลค่าและโซลูชันใหม่ให้ลูกค้า

"JCB" จับมือ "SoftSpace" เล็งเห็นอาเซียนเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง น่าลงทุน พร้อมขยายธุรกิจ สร้างมูลค่า และโซลูชันใหม่ๆ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล

บริษัท JCB ผู้บุกเบิกการนำบัตรเครดิตเข้ามาใช้เป็นวิธีการชำระเงินรูปแบบใหม่ในประเทศญี่ปุ่น เล็งเห็นอาเซียนเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง บวกกับจำนวนประชากรที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นและมีเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต จึงจับมือกับ SoftSpace บริษัทเทคโนโลยีทางด้านการเงินสัญชาติมาเลเซีย ด้วยการลงทุนประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐใน SoftSpace หวังสร้างมูลค่า และโซลูชันใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า พร้อมกับเชื่อว่าจะเกิดเป็นความสัมพันธ์ของสองบริษัทที่ได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

การลงทุนใน SoftSpace บริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินสัญชาติมาเลเซีย

ความร่วมมือกันในครั้งนี้ แบ่งการดำเนินการออกเป็นระยะต่างๆ ดังนี้

  • ระยะสั้น ทาง JCB เชื่อว่า อุปกรณ์ Tap on Mobile ของ SoftSpace จะสามารถใช้เพื่อเชื่อมต่อกับธุรกิจบัตรเครดิตที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันของ JCB
  • ระยะปานกลางถึงระยะยาว เชื่อว่าจะสามารถสร้างมูลค่าและโซลูชั่นใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าของ JCB เช่น ธนาคารและผู้ถือบัตร โดยการรวมเทคโนโลยีของ SoftSpace กับธุรกิจของ JCB เข้าด้วยกันในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่อัตราการถือครองบัญชีธนาคารและการเข้าถึงบัตรเครดิตอยู่ในระดับต่ำในอาเซียน อัตราการเข้าถึงสมาร์ทโฟนอยู่ในระดับสูง จึงเชื่อว่าจะสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อให้บริการโซลูชันใหม่ๆ เช่น โซลูชันทางการตลาดผ่านทางสมาร์ทโฟน

ส่วนในอนาคต ทาง JCB ต้องการใช้ประโยชน์จากโซลูชันของ SoftSpace เพื่อให้เกิดประโยชน์กับลูกค้าปัจจุบันของ JCB และเพื่อขยายธุรกิจของ JCB นอกจากนั้น SoftSpace ยังสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดของตนเองได้โดยการร่วมมือกับ JCB เกิดเป็นความสัมพันธ์ของสองบริษัทที่ได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ความสำคัญต่อตลาดอาเซียน ผ่านการริเริ่มของ SoftSpace

ในระยะสั้น SoftSpace ต้องการขยายส่วนแบ่งการตลาดในมาเลเซีย ต่อจากนั้นก็ต้องการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย เป็นต้น และต้องการส่งเสริมกิจกรรมการตลาดทั่วอาเซียน โดยการรวมเทคโนโลยีทางด้านการเงินของ SoftSpace เข้ากับเครือข่ายของ JCB  ในหลายๆประเทศ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเงินสดยังคงเป็นวิธีการชำระเงินหลักอยู่ JCB หวังที่จะมีส่วนร่วมในสังคมไร้เงินสดด้วยการทำงานร่วมกับ SoftSpace เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคในด้านการชำระเงิน และต้องการเพิ่มบทบาทของ JCB ให้มากขึ้นในอาเซียนตามความสำคัญทางด้านสังคมของการส่งเสริมธุรกรรมแบบไร้เงินสดในอาเซียน

อนาคตต่อจากนี้ของ JCB

JCB ยังคงอยู่ในฐานะผู้ท้าชิงในตลาดอาเซียน และต้องการที่จะดำเนินงานตามวงจรบริหารงานคุณภาพ (PDCA) ในการตั้งสมมติฐานต่างๆ การทดลองและการตรวจสอบ การยืนยันผล ในแง่นี้ นอกจากความพยายามอย่างสูงกับ SoftSpace แล้ว JCB ยังต้องการมุ่งเน้นไปที่การเป็นพันธมิตรกับบริษัท และสตาร์ทอัพอื่นๆ โดย JCB จะขยายธุรกิจบัตรเครดิตในปัจจุบันผ่านความร่วมมือกับบุคคลภายนอก และในขณะเดียวกันก็ดำเนินกลยุทธ์เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ในระยะปานกลางไปจนถึงระยะยาวอีกด้วย

การแนะนำโดยสังเขปเกี่ยวกับ JCB

สำหรับบริษัท JCB ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1961 เป็นผู้บุกเบิกในการนำบัตรเครดิตเข้ามาใช้เป็นวิธีการชำระเงินรูปแบบใหม่ในประเทศญี่ปุ่น บริษัทได้ขยายตัวไปในระดับสากล และในฐานะที่เป็นบริษัทเดียวในญี่ปุ่นที่ดำเนินการให้บริการบัตรระหว่างประเทศ จึงเป็นการพัฒนาธุรกิจมากมายบนเวทีระดับโลก นอกเหนือจากการพัฒนาเครือข่ายของร้านค้าที่ยอมรับการ์ด JCB ทั่วโลกแล้ว บริษัทก็กำลังขยายการออกบัตร JCB ร่วมกับพันธมิตรในญี่ปุ่นและต่างประเทศอีกด้วย ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 140 ล้านคนที่ใช้บัตร JCB ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในภูมิภาคเอเชีย

JCB เล็งเห็นว่าอาเซียนเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง แต่ในด้านของการชำระเงิน จำนวนของคนที่มีบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตยังคงมีจำนวนไม่มากนัก และยังมีพื้นที่สำหรับการเติบโตอยู่ จึงถือเป็นโอกาสในทางธุรกิจ บวกกับประชากรในอาเซียนมีมุมมองในเชิงบวกต่อประเทศญี่ปุ่น และเชื่อว่า JCB เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่สามารถสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นได้

จนถึงปัจจุบัน JCB ได้ใช้แบรนด์ประเทศญี่ปุ่นเพื่อสร้างการเติบโตในส่วนของสมาชิกและส่วนของร้านค้าทั้งสองส่วน แต่ทั้งสมาชิก และร้านค้าต่างรู้สึกว่ายังมีข้อจำกัดในสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้กับธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน และจำเป็นจะต้องเปิดธุรกิจใหม่ๆ ไปตามจุดแข็งอื่นๆ ของ JCB ตัวอย่างเช่น การทำงานร่วมกันกับพันธมิตรภายนอกและการลงทุนในสตาร์ทอัพนั้นสามารถทำได้ แต่เป็นการยากที่จะให้หน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในฐานะที่เป็นภารกิจตัวใหม่

ดังนั้น ทาง JCB จึงได้จัดตั้งแผนกการส่งเสริมและสร้างธุรกิจในอาเซียนขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ภายใต้แผนกการส่งเสริมและสร้างธุรกิจในอาเซียน โดยจัดตั้งขึ้นในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.2021 ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีพนักงานสองคนจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้หน่วยงานสามารถดำเนินงานได้อย่างอิสระ และคิดด้วยแนวความคิดใหม่ๆ

ช่องทางการติดต่อ Facebook : JCB Thailand และ Line : @JCBThailand