เอกชนจี้รัฐเร่งปลดล็อคท่องเที่ยว เลิก "ไทยแลนด์พาส" ดันต่างชาติแตะ 12 ล้าน

เอกชนจี้รัฐเร่งปลดล็อคท่องเที่ยว เลิก "ไทยแลนด์พาส" ดันต่างชาติแตะ 12 ล้าน

หลังที่ประชุม "ศบค." เมื่อ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าไทย “ยกเลิกระบบ Test & Go” ผู้เดินทางเข้าไทยไม่ต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR แต่ให้ตรวจ ATK ด้วยตัวเองตามความสมัครใจ และปรับลดวงเงินประกันของชาวต่างชาติเหลือ 10,000 ดอลลาร์ จาก 20,000 ดอลลาร์

วิชิต ประกอบโกศล ประธาน ซี.ซี.ที. เอ็กซ์เพรส ผู้ประกอบการทัวร์รายใหญ่ตลาดจีนเที่ยวไทย และรองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า แม้จะเป็นข่าวดีในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย แต่สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการมากที่สุดคือ การยกเลิกการลงทะเบียนผ่านระบบ “ไทยแลนด์พาส” (Thailand Pass) ให้เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย.2565 เป็นต้นไป!!

โดยได้คาดการณ์แนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปี 2565 ไว้ 2 ซีนาริโอ ได้แก่ ซีนาริโอที่ 1 รัฐบาลยังไม่ประกาศยกเลิกไทยแลนด์พาสให้มีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย.นี้ คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8 ล้านคน และถ้ารัฐบาลจีนอนุญาตให้ชาวจีนออกท่องเที่ยวต่างประเทศได้ในช่วงปลายปีนี้ จะช่วยหนุนยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเพิ่มเป็น 10 ล้านคน

ซีนาริโอที่ 2 รัฐบาลประกาศยกเลิกไทยแลนด์พาส มีผล 1 มิ.ย. คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน และถ้ารัฐบาลจีนอนุญาตให้ชาวจีนออกท่องเที่ยวต่างประเทศได้ในช่วงปลายปี จะทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเพิ่มเป็น 12 ล้านคน

 

ยกเลิก "ไทยแลนด์พาส" หนุนดึงกรุ๊ปทัวร์ต่างชาติเพิ่มอีก 2 ล้านคน

“อยากให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกไทยแลนด์พาสอย่างเร่งด่วน ถ้าเริ่มได้ 1 มิ.ย.นี้ บริษัทนำเที่ยวและบริษัทผู้ให้บริการด้านบริหารจัดการการเดินทาง (Destination Management Company: DMC) จะสามารถเปิดรับการจัดกรุ๊ปทัวร์ได้อีกครั้ง ช่วยเพิ่มส่วนต่างนักท่องเที่ยวต่างชาติจากตลาดกรุ๊ปทัวร์ได้มากถึง 2 ล้านคน เมื่อเทียบระหว่างซีนาริโอที่ 1 และ 2”

ทั้งนี้ การลงทะเบียนผ่านระบบไทยแลนด์พาสถือเป็นข้อจำกัดหลัก นักท่องเที่ยวตลาดกรุ๊ปทัวร์ไม่สะดวกในการลงทะเบียนเอง เพราะมองเป็นเรื่องยุ่งยาก ต้องการให้บริษัทนำเที่ยวจัดการการเดินทางทุกอย่างให้ โดยสังเกตเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนไทยแลนด์พาสส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (F.I.T.)

“การยกเลิกไทยแลนด์พาส จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง สามารถดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งนิยมเดินทางช่วงปิดภาคเรียนเดือน ก.ค. ให้มีเวลาเตรียมตัววางแผนการเดินทางมาไทยได้อีกด้วย”

 

"แอตต้า" หวั่นทัวริสต์จีนคัมแบ็กช้า ต้องรอถึงตรุษจีนปีหน้า

ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า คาดว่าช่วงไตรมาส 4 เข้าไฮซีซั่น ถึงจะเห็นกระแสการเดินทางเข้าไทยฟื้นตัวดีขึ้น เช่น ตลาดเกาหลีใต้ มาเที่ยวกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และเขาใหญ่ เพื่อท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ธรรมชาติ และเล่นกอล์ฟ นอกจากนี้น่าจะเห็นตลาดอินเดียและเวียดนามฟื้นตัวมากขึ้นด้วย

“ตลาดชาวจีนเที่ยวไทย ยังเป็นเรื่องยากที่จะรัฐบาลจีนจะอนุญาตให้ชาวจีนออกท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงวันหยุดยาวหรือโกลเด้นวีควันชาติจีน 1 ต.ค. มีแนวโน้มเป็นช่วงโกลเด้นวีคเทศกาลตรุษจีนต้นปี 2566 น่าจะชัวร์กว่า”

 

"ททท." คงเป้ารายได้รวมท่องเที่ยวปี 65 ที่ 1.28 ล้านล้านบาท

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ทุกครั้งที่ ศบค.มีมติผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศไทย พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 4-5 เท่าตลอด! โดย ททท.ยังคงเป้าหมายการทำตลาดปี 2565 เท่าเดิม ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้ 625,800 ล้านบาท ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวไทยตั้งเป้า 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 656,000 ล้านบาท เมื่อรวมรายได้จากตลาดทั้งในและต่างประเทศอยู่ที่ 1.28 ล้านล้านบาท

ตั้งแต่ 1 ม.ค.-19 เม.ย. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแล้ว 646,812 คน มากกว่าทั้งปี 2564 ที่มี 427,869 คน ขณะที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีเพียง 0.46% ของผู้เดินทางเข้าไทยผ่านระบบ Test & Go

“ยังต้องติดตามว่าช่วงโกลเด้นวีควันชาติจีน 1 ต.ค. ถ้ารัฐบาลจีนตัดสินใจให้ชาวจีนจากบางมณฑลเริ่มออกเดินทางออกท่องเที่ยวนอกประเทศได้ ก็จะทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยสูงกว่านี้”

 

ชูงาน "ไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส" ดึงสื่อ-เอเย่นต์รับเปิดประเทศ  

ก่อนหน้านี้ ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า หากยกเลิกการลงทะเบียนผ่านระบบไทยแลนด์พาส ตั้งแต่ 1 มิ.ย. จะมีผลต่อการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยในช่วงซัมเมอร์ (มิ.ย.-ส.ค.) จากหลายตลาดทั่วโลก ซึ่งปกตินักท่องเที่ยวยุโรปจะนิยมท่องเที่ยวภายในยุโรป แต่พอเจอโควิด-19 ระบาดนานกว่า 2 ปี เชื่อว่าจะรู้สึกอัดอั้น ต้องการใช้จ่ายและท่องเที่ยวในจุดหมายระยะไกลขึ้น

ทั้งนี้ ททท.จะเป็นเจ้าภาพจัดงานส่งเสริมการขาย “ไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส” (TTM+) ต้นเดือน มิ.ย.นี้ ที่ จ.ภูเก็ต ถ้ามีการยกเลิกระบบไทยแลนด์พาสตามไทม์ไลน์ดังกล่าว ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามา จะได้เห็นบรรยากาศ “การเปิดประเทศเต็มรูปแบบ” ของไทย มีความมั่นใจ สามารถนำเสนอขายแพ็คเกจท่องเที่ยวได้เลย ด้านผู้ประกอบการสายการบินเองก็จะได้ลุยวางกำหนดและตารางการบินรองรับนักท่องเที่ยวได้เช่นกัน!

 

"เซ็นทรัลพัฒนา" เผยทราฟฟิกใน "ทัวริสต์มอลล์" 15 แห่งฟื้นตัว สูงขึ้น 30%

ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ กล่าวว่า หากภาครัฐเร่งปลดล็อคการท่องเที่ยวในเดือน มิ.ย.จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเดินหน้าได้อย่างดี ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา เป็นนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย

ทั้งนี้ ภาพรวมทราฟฟิกศูนย์การค้าขยายตัวสูง 30% โดยเฉพาะศูนย์การค้าที่เน้นนักท่องเที่ยว หรือ “ทัวร์ริสต์มอลล์” กว่า 15 แห่ง ทั้งกรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ พัทยา ฯลฯ

สอดรับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยของ ททท. ไตรมาส 1/2565 (ม.ค.-มี.ค.) ขยายตัวสูงขึ้น เทียบช่วงเดียวกันปี 2564 โดยมีนักท่องเที่ยว 444,039 คน ขยายตัว 2,101% สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 34,173 ล้านบาท ขยายตัว 1,424%

 

ทราฟฟิกลูกค้าในประเทศกลับมาปกติที่ 80%

"ตลาดในประเทศ ได้อานิสงส์จากสงกรานต์ และเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลัก เมืองชายทะเล ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นเป็นพิเศษ รวมถึงนักท่องเที่ยวไทย ส่วนเมืองรอง นักท่องเที่ยวคนไทยเน้นเดินทางระยะใกล้ ที่ประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดค่าน้ำมัน"

โดยภาพรวมทราฟฟิกศูนย์การค้าของกลุ่มลูกค้าในประเทศ กลับมาเป็นปกติอยู่ที่ 80% หรือ มากกว่า 100% เมื่อเทียบกับก่อนโควิด ส่วนตลาดต่างประเทศ ทยอยกลับเข้ามาช้อปในศูนย์การค้าสูงขึ้น 30% โดยเฉพาะกลุ่มศูนย์การค้าที่เน้นนักท่องเที่ยว หรือ ทัวร์ริสต์มอลล์ นักท่องเที่ยว “Top 3” ในไตรมาสแรก ได้แก่ รัสเซีย เยอรมนี และ สหราชอาณาจักร

“หากรัฐบาลเริ่มทยอยปลดล็อคมาตรการกักตัวต่างๆ เพิ่มขึ้นในช่วงกลางปี จะทำให้ไทยแข่งขันกับเพื่อนบ้านและเมืองท่องเที่ยวระดับโลกได้ เพราะเมืองไทยมีต้นทุนค่าท่องเที่ยวและค่าครองชีพ ยังถือว่า อยู่ระดับที่คุ้มค่าอย่างยิ่งต่อการเดินทาง และ มีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นๆ”

ล่าสุดหลายประเทศในอาเชียน อาทิ เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย (เกาะบาหลี) และสิงคโปร์ ทยอยปลดล็อกเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัวแล้ว การเปิดประเทศกลางปีนี้จะทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยกลับมาพลิกฟื้นอีกครั้ง ซึ่ง ททท. คาดว่าปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยกว่า 7 ล้านคน สร้างรายได้ 30% ของรายได้รวมปี 2562

 

วางโรดแมปต้อนรับนักท่องเที่ยวไทย-เทศ

พร้อมกันนี้ เซ็นทรัลพัฒนา วาง 5 โรดแมป ต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติด้วยการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อต่อจิ๊กซอว์การท่องเที่ยวไทยให้ครบทั้งชอปปิง เดสติเนชั่น ครบทุกฟอร์แมต อาทิ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต เซ็นทรัล ภูเก็ต ลักชูรี่ มอลล์ ในเมืองท่องเที่ยวระดับโลกของไทย เซ็นทรัลเวิลด์-แลนด์มาร์กจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

เซ็นทรัลพัฒนายังร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานต่างประเทศ จัดทำ Fam Trip รวมถึง Co-Promotion กระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ “KLOOK” ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมใช้ในการหาดีลพิเศษต่างๆ