ต่างชาติลุยตลาดคริปโทฯไทย ‘คอยน์เบส-เอฟทีเอ็กซ์’ รุดเจรจาร่วมทุนแบงก์ไทย

ต่างชาติลุยตลาดคริปโทฯไทย  ‘คอยน์เบส-เอฟทีเอ็กซ์’ รุดเจรจาร่วมทุนแบงก์ไทย

“ตลาดคริปโท”ไทย เข้าตาต่างชาติ "กรุงศรี ฟินโนเวต“เผยมีผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต่างประเทศ 3-4 ราย สนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย รุดเจรจาแบงก์ร่วมระบบชำระเงิน-ยืนยันตัวตน จับตา“คอยน์เบส-เอฟทีเอ็กซ์”รุกหนัก“สตางค์” เชื่อตลาดแข่งดุ หั่นค่าต๋งรักษาฐานลูกค้า

ภายหลังที่นายฉางเผิง จ้าว ซีอีโอ ไบแนนซ์ (Binance) ลงนามข้อตกลงผู้ถือหุ้นกับนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 13 เม.ย.2565 เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย เข้าลงทุนในเหรียญ BNB และเข้าลงทุนในไบแนนซ์ สหรัฐ (Binance. US)

ไบแนนซ์ (Binance) เป็นกระดานเทรดที่มีมูลค่าสินทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีเหรียญที่ลิสต์ในกระดานให้เลือกเทรดมาก อีกทั้งมีค่าธรรมเนียมเทรดต่ำ และมีความหลากหลายการลงทุนให้เลือกมากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้มีผู้ประกอบการExchange รายใหญ่ระดับโลกอย่างน้อย 2 แห่ง ที่เข้ามาเจรจากับสถาบันการเงินในบ้านเรา เพื่อร่วมลงทุนจัดตั้งกระดานเทรดคิปโทเคอร์เรนซีในบ้านเรา เช่น Coinbase และ FTX

Coinbase เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันที่ดำเนินการแพลทฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ดำเนินการจากระยะไกลโดยไม่มีสำนักงานใหญ่อย่างเป็นทางการ ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 โดยไบรอัน อาร์มสตรอง และเฟรด เออห์แซม ในปี 2564 Coinbase เป็นบริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ เมื่อพิจารณาในแง่ปริมาณการซื้อขาย และเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ปี2564 Coinbase เข้าตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรกในดัชนีแนสแด็ก ผ่านการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยตรง 

ขณะที่ FTX เว็บเทรดอนุพันธ์คริปโตที่เปิดตัวเมื่อปี 2562 ก่อตั้งโดย“แซม แบงแมนฟรายด์” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Alameda Research บริษัทจัดการสินทรัพย์ในการลงทุนคริปโทฯชั้นนำของโลก ซึ่งบริหารทรัพย์สินมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์ 

รายใหญ่3-4รายจ่อบุกไทย

นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัล รายใหญ่จากต่างประเทศ 3-4 ราย สนใจมาทำธุรกิจในไทย เพราะเห็นศักยภาพและโอกาสการเติบโตในไทยทั้งการจับมือกับผู้ประกอบการเพื่อเข้ามาบุกตลาด รวมถึงการเจาะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย โดยใช้แพลตฟอร์มหรือใช้ชื่อเสียง การเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศมาเจาะตลาดไทยโดยมีผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลต่างประเทศหลายรายมาหารือกับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งรวมถึงกรุงศรีอยุธยา และกรุงศรีฟินโนเวต เพื่อให้ช่วยทำระบบชำระเงินหลังบ้าน เช่น การเปิดบัญชี การชำระเงินสกุลเงินบาท

ทั้งนี้การมีแพลทฟอร์มเทรดรายใหม่เข้ามาเพิ่มนับเป็นเรื่องดี นอกจากไบแนนซ์แล้วยังมีบริษัทข้ามชาติรายใหญ่หลายรายสนใจมาทำตลาดคริปโทฯในไทยเพราะเห็นจำนวนคนเทรดและวอลุ่มเทรดในไทยติดอันดับต้นของโลก

ตลาดทริปโทในไทยยังโต

นายแซม กล่าวว่า โมเดลธุรกิจที่ต่างชาติมาแข่งขันส่วนใหญ่เข้ามาทำเอง แต่หากทำไม่ได้จะจับมือหาพันธมิตรในไทยแต่สุดท้ายตลาดนี้จะเหลือแต่ผู้เล่นรายใหญ่ที่มีฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น NFT ,ยูทิลิตี้โทเคน หรือ เทรดคริปโทฯ ซึ่งหากเป็นตลาดเทรดคริปโทฯ มาชนกันจะเหลือผู้เล่นไม่กี่รายส่วนตลาดหลักทรัพย์ฯ จะแยกออกทำเกี่ยวกับแพลตฟอร์มเทรดยูทิลิตี้โทเคน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะไม่แข่งขันกับเจ้าใหญ่ที่เทรดคริปโทฯ

ทั้งนี้ตลาดคริปโทฯ ในไทยเติบโตได้อีกมากเพราะมีคนที่ยังไม่เทรดอีกมาก และคนไทยลงทุนในสินทรัพย์ปกติมาก ยังไม่ได้เข้ามาลงทุนในตลาดคริปโทฯ มากนักเมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์ลงทุนทั้งระบบโดยเฉพาะตลาดคริปโทฯ ตอนนี้ เป็นลักษณะเป็นตลาดหมี(ซบเซา)อยู่ซึ่งราคาเหรียญปรับตัวลดลง ทำให้การเข้าลงทุนยังไม่ได้ทุ่มสุดตัว จนกว่าตลาดนี้จะมีความแข็งแรงมากขึ้น

หลังจากนี้หากแข่งขันเพิ่มขึ้นจะเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภคเพราะมีทางเลือกมากขึ้นและทำให้ค่าธรรมเนียมเทรดถูกลง มีผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น และสินทรัพย์ดิจิทัลหลากหลายขึ้น โดยต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.

เชื่อมระบบชำระเงิน-ยืนยันตัวตน

นายแซม กล่าวว่า บริษัทเป็นส่วนหนึ่งในเครือธนาคารกรุงศรี ทำหน้าที่คัดสรรและเข้าลงทุนเพื่อช่วยขับเคลื่อนกรุงศรีด้านดิจิทัลและนวัตกรรม มองว่า ทุกแพลตฟอร์มเทรดคริปโทฯ ต้องเชื่อมระบบชำระเงินและยืนยันตัวตนของทุกธนาคาร เพื่อให้ระบบอีโคซิสเต็มส์สมบูรณ์ที่สุด โดยกัลฟ์และไบแนนซ์ตั้งแพลตฟอร์มเทรดคริปโทฯ ใหม่ในไทยอยู่ระหว่างการหารือกับเราในการวางระบบดังกล่าวด้วย

“เราพร้อมสนับสนุนพัฒนาระบบหลังบ้านเช่นรองรับ e-KYC ที่เชื่อมให้อีโคซิสเต็มส์ดีขึ้น และมีโอกาสสนับสนุนเงินทุนหลายแพลตฟอร์มเทรดคริปโทฯ ไม่จำกัดรายใดรายหนึ่ง หากแพลตฟอร์มรายนั้นดีสำหรับธนาคารและลูกค้ากรุงศรี เราจะพิจารณาลงทุนด้วย”

จับตาเกม“สร้างอีโคซิสเต็ม”

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนบล.เคทีบีเอสที (KTBST) กล่าวว่า การแข่งขันแพลทฟอร์มเทรดคริปโทฯ แยกเป็น 2 รูปแบบ คือ 

1.ทำหน้าที่เป็นกระดานเทรดคริปโทฯในตลาดปกติ ทำให้ค่าธรรมเนียมถูกลงเป็นประโยชน์นักลงทุน

2.เป็นกระดานเทรดคริปโทฯของตัวเอง ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือรองรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนธุรกิจในเครือ ให้อีโคซิสเต็มส์ตัวเองสมบูรณ์และมีแวลูขึ้น

ดังนั้นการควบรวมไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะแยกกันแข่งขัน ยกเว้นการแข่งขันรูปแบบแรกจะเกิดการควบรวมขึ้นได้ กรณีแข่งขันไปแล้วตายหรือต้องหนีตาย ยังต้องรอติดตามต่อไป เพราะกัลฟ์จับมือกับไบแนนซ์ น่าจะเข้ามาแข่งขันในรูปแบบที่ 2มากกว่า

โดยการแข่งขันรูปแบบที่ 2 ระหว่างกัลฟ์จับมือไบแนนซ์ และบิทคับจับมือกับเอสซีบีเอกซ์ ถือว่าสูสีและมีจุดแข็งต่างกันคนละตลาดอีกทั้งมีกลุ่มเจมาร์ทที่มีเหรียญ JFIN ใช้ในกลุ่มธุรกิจตัวเองซึ่งต้องดูว่าใครจะพัฒนาอีโคซิสเต็มส์ตัวเองได้สมบูรณ์ที่สุด เพราะอนาคตตลาด คริปโทฯ ในไทยมีโอกาสเติบโตมาก เช่น หากนำยูทิลิตี้โทเคนไปซื้อสินค้าและบริการในเมตาเวิร์ส เมื่อได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลไทยในอนาคตจะสร้างมูลค่ามหาศาล

“เอสซีบีเอกซ์เก่งด้านไฟแนนซ์ ขณะที่กัลฟ์เก่งด้านอื่นไม่แพ้กัน ขณะที่ไบแนนซ์มีความสมบูรณ์ของอีโคซิสเต็มส์บนแพลตฟอร์มและเป็นเจ้าตลาดรายใหญ่ แต่เข้ามาในไทย อยู่บนฐานภาษีเดียวกันบิทคับ ทำให้สิ่งที่ไบแนนซ์เคยได้เปรียบอาจลดลงได้ ขณะที่บิทคับเป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักและมีแฟนคลับเหนียวแน่น การมาชิงมาร์เก็ตแชร์อาจไม่ง่าย”

“กัลฟ์”เตรียมขอไลนเซ่นส์

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน กล่าวว่า กัลฟ์ อินโนวา จำกัด (Gulf Innova) บริษัทย่อยที่ GULF จับมือกับ Binance Capital Management Co.,Ltd. เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุนธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยระบุว่ากำลังเตรียมขอไลเซ่นส์กับ กลต.เพื่อประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ภายในกลางปี 2565

ทั้งนี้การชำระเงินต้องหารือธนาคารเพื่อเข้ามาช่วยด้านการชำระเงินในการทำธุรกรรมเงินบาท ซึ่งต้องให้ธนาคารมาช่วยด้านการชำระเงิน แต่วันนี้ยังไม่ถึงขั้นรีบเจรจาธนาคารเพราะต้องรอการขอไลเซ่นส์ประกอบธุรกิจชัดเจนก่อน ส่วนการดำเนินงานอื่นจะตามมา

“เป็นกระบวนการปกติของการทำธุรกิจที่ต้องให้ธนาคารช่วยด้านการชำระเงินในการประกอบธุรกิจ แต่วันนี้ยังไม่ได้คุยกับใครหรือตกลงกับใครเพราะรอการขอไลเซ่นส์ก่อน”

จับตาสงครามราคาหั่นค่าต๋ง

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด  เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดคริปโทเคอเรนซีในไทย นับว่าเป็น “ตลาด Red Ocean” อยู่แล้ว และเมื่อมีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาทำให้การแข่งขันยิ่งรุนแรงขึ้น 

ทั้งนี้ตลาดคริปโทฯ ในไทยไม่ใหญ่มากและมีโอกาสเติบโตทำให้มีผู้เล่นหลายราย การแข่งขันเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตามในตลาดที่มีการแข่งขัน มองว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะสุดท้ายจะเป็นประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนผู้ลงทุนในไทย ทำให้มีแพลตฟอร์มเทรดหลากหลาย สามารถเลือกใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มที่ถูกจริตและตอบโจทย์ความต้องมากที่สุด 

อีกทั้งผู้ประกอบการเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยต้องถูกกำกับดูแลภายใต้กฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำให้ไม่ได้มีใครเสียเปรียบหรือได้เปรียบมาก โดยฟีเจอร์ต่างๆ ไม่หนีกัน ดังนั้นรูปแบบการแข่งขันหนีไม่พ้นลดค่าธรรมเนียม จนถึงฟรีค่าธรรมเนียม และสร้างความแตกต่างด้วยสิทธิประโยชน์เพื่อรักษาฐานลูกค้าและปริมาณซื้อขายไว้

“แต่ละแพลตฟอร์มมีจุดเด่นจุดแข็งและบริการต่างกัน โดยลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกเทรดบนแพลตฟอร์มไหน และใช้บริการหลากหลายแพลตฟอร์ม ไม่จำเป็นต้องเทรดนแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง”

“ไบแนนซ์”รุกไทย-สหรัฐ

สำหรับภาพรวมตลาดคริปโทฯ เอเชีย ยอมรับว่า ไบแนนซ์เป็นเจ้าตลาด และในไทยมีนักเทรดส่วนใหญ่เทรดบนแพลตฟอร์มไบแนนซ์ ขณะที่ความร่วมมือกับผู้เล่นรายใหญ่ในไทยเข้ามาทำแพลตฟอร์มเทรดใช้เงินทุนไม่มากการเข้าลงทุนใน เหรียญ BNB เป็นบวกในตลาดอยู่และการที่ไบแนนซ์สหรัฐจะเสนอขายหุ้น IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งเป็นการสร้างกำไรได้แน่นอนอยู่แล้ว

ดังนั้น มองว่า การสร้างแพลทฟอร์มเทรดเองจะเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจหลักในอนาคตมากกว่า ซึ่งธุรกิจแพลตฟอร์มอาจไม่ต้องทำกำไรมาก ขณะที่การเข้ามาทำการตลาดภายใต้แบรนด์ใหม่ของไบแนนซ์ในไทยช่วยให้ขยายตลาดง่ายขึ้นเท่านั้น ก็ต้องคอยติดตามเพราะผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลเดียวกันจาก ก.ล.ต.จึงไม่ได้เปรียบเสียเปรียบมากนัก    

พร้อมกันนี้ ต้องดูการที่ไบแนนซ์รุกตลาดสหรัฐจะเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายแม้เป็นตลาดใหญ่แต่มีเจ้าตลาดหลายรายที่แข็งแกร่งทั้งฐานลูกค้าเหนียวแน่นและเงินทุนแข็งแกร่ง เช่น คอยน์เบส (Coinbase), เอฟทีเอ็กซ์ (FTX exchange), คริปโทดอทคอม (Crypto.com) และ คราเคน (Kraken) อีกทั้งคนสหรัฐมีความเชื่อมั่นในแบรนด์สหรัฐด้วยกันมากกว่า

“ซิปเม็กซ์” ชี้แฟลตฟอร์มหลากหลายขึ้น

นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เมื่อมีผู้เล่นมากขึ้นและเป็นรายใหญ่ทำให้การแข่งขันสูงขึ้นถือว่าดีเพราะมีผู้เล่น 3-4 แพลตฟอร์มเทรดเท่านั้นตลาดที่ยังไม่ได้อิ่มตัว 

สุดท้ายแล้วคนที่ได้ประโยชน์สูงสุด คือ ผู้ลงทุนไทย ที่จะมีแพลทฟอร์มเทรดใหม่ให้เลือกใช้ และประเทศไทยที่สามารถดึงนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาได้ด้วย  

ทั้งนี้การเปิดแพลตฟอร์มเต็มระบบอาจใช้เวลาอีกระยะ ซึ่งต้องรอติดตามการจัดตั้งอย่างเป็นรูปธรรมก่อน โดยเราไม่ได้เป็นห่วง เพราะว่าจะเป็นผู้เล่นรายไหนเข้ามาเปิดแพลตฟอร์มเทรดในไทย ก็ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของก.ล.ต.อย่างเดียวกัน  และอยู่ภายใต้ภาวะตลาดคริปโทฯ แบบเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันบรรยากาศการลงทุนคริปโทฯในปีนี้ยังไซด์เวย์

“การแข่งขันรุนแรงจริงแต่ละแพลตฟอร์มเทรดจะมีความหลากหลายขึ้น มีข้อดีและข้อเสียต่างกัน อีกทั้งมีกลุ่มฐานลูกค้าเป้าหมายของตัวเอง เพราะไม่จำเป็นต้องเทรดบนแพลตฟอร์มเดียว แต่เลือกเทรดหลายแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและผลประโยชน์ตรงใจเป็นสำคัญ”