เปิดกำไร 10 แบงก์โค้งแรกพุ่ง สำรองวูบ4.3หมื่นล้าน

เปิดกำไร 10 แบงก์โค้งแรกพุ่ง สำรองวูบ4.3หมื่นล้าน

“กลุ่มแบงก์”ไตรมาส1/65 กำไร 5.31 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4.64 หมื่นล้าน -โต 20% จากไตรมาส 4/64 เหตุ รายได้ดอกเบี้ยเพิ่ม-ตั้งสำรองลดลง ด้าน ไทยพาณิชย์ เผย ผลทำเทนเดอร์เกิน90% เตรียมดัน“เอสซีบีเอกซ์”เข้าจดทะเบียน -เพิกถอน เอสซีบีบี วันที่ 27 เม.ย.

    กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์)  10 แห่ง ประกาศงบไตรมาส 1 ปี 2565  ประกอบด้วยธนาคารกสิกรไทย(KBANK),ธนาคารไทยพาณิชย์(SCBB),ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY), ธนาคารกรุงเทพ (BBL),ธนาคารทหารไทยธนชาต(TTB), ธนาคารกรุงไทย (KTB),ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป(TISCO),ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย(CIMBT),ธนาคารเกียรตินาคินภัทร(KKP)ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์(LHFG)

      ทั้งนี้มีกำไรสุทธิรวม 53,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.45% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46,446 ล้านบาท  หากเทียบกับงวดไตรมาส 4 ปี 2564  โต 20.28%

       ด้านการตั้งสำรองหนี้เสียของทั้ง 10 แบงก์ ลดลงมาอยู่ที่  43,660  หมื่นล้านบาท ลดลง 11.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน  โดยแบงก์ที่มีการตั้งสำรองลดมากที่สุด หากเทียบกับไตรมาส4ปีก่อน เช่นTISCO ลดลง 79% LHFG 67% CIMBT 39% KTB ลดลง 33.56%  

      นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)พาย กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 1 ปี 2565 แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มที่เป็นไปตามที่ตลาดคาด และกลุ่มที่ดีกว่าคาด โดยกลุ่มที่ดีกว่าคาดเช่น KKP, TTB  ,TISCO, BAY, KTB จากการตั้งสำรองที่ลดลงมากกว่าคาด ส่งผลให้กำไรเติบโตดีขึ้น
 

เปิดกำไร 10 แบงก์โค้งแรกพุ่ง สำรองวูบ4.3หมื่นล้าน       ส่วนแบงก์อื่นผลงานออกมาดีเหมือนที่ตลาดคาด โดยเฉพาะแบงก์ใหญ่ นอกจากนี้ในไตรมาสนี้ สิ่งที่ทุกแบงก์ทุกได้ค่อนข้างดีคือ การบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล ที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงและไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก

     อย่างไรก็ตาม คาดการณ์กำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในไตรมาสแรกปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท ท เติบโตขึ้นหากเทียบกับไตรมาส 1 ปีก่อนที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 47,000 ล้านบาท และเทียบกับไตรมาส 4ปีก่อนที่กำไรอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท

    “ส่วนทิศทางไตรมาส 2 ปี 2565 คาดว่าทรงตัวเพราะฐานไตรมาสแรกปีนี้สูง แต่ทั้งปีกำไรแบงก์น่าจะเติบโตได้ 10% หรืออยู่ที่ 200,000 ล้านบาท”

      ดังนั้นจึงมีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มแบงก์  โดยแนะนักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว เพราะกลุ่มแบงก์เป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ และภายใต้ดอกเบี้ยที่มีทิศทางขาขึ้นปีหน้า จะเป็นผลบวกต่อกลุ่มแบงก์ทำให้มีมาร์จินปรับตัวดีขึ้น  ซึ่งหนุนผลประกอบการให้เติบโตต่อเนื่อง แนะนำซื้อ หุ้น BBL ที่ 162  บาท, KBANK 174 บาท และ KKP ที่ 79 บาท

      นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBB) กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรก ธนาคารมีกำไรสุทธิที่ 10,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ขณะที่การตั้งเงินสำรองที่ลดลง จากสำรองระดับสูงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา 

      สำหรับ การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารจากผู้ถือหุ้นของธนาคาร ได้ผลการตอบรับอย่างไม่เป็นทางการได้มากกว่า 90% ทำให้เกิดขั้นตอนต่อไปของแผนการปรับโครงสร้างกลุ่ม โดยหุ้น SCBX จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเพิกถอนหุ้น SCBB ออกจากตลท. ในวันที่ 27 เม.ย.นี้  

      โดยปัจจุบันธนาคารอยู่ระหว่าง รอการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำหรับการจ่ายเงินปันผลพิเศษครั้งเดียวให้กับ SCBX จำนวน  61,000 ล้านบาท

     ด้านนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า กำไรไตรมาสแรก ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ ที่ 11,211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.50%  จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น12.86% ส่วนใหญ่เกิดจากการให้สินเชื่อใหม่ตามยุทธศาสตร์ของธนาคารแก่ลูกค้าที่มีศักยภาพ

      ส่วนหนี้เสีย ล่าสุดอยู่ที่ 3.78% จากไตรมาส4ปีก่อนที่ 3.76% โดยธนาคารมีการติดตามดูแลคุณภาพเงินให้สินเชื่อของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด