วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน วันที่ 20 เมษายน 2565
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลัง IMF หั่นจีดีพีโลกปี 2022 และ 2023 ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบปรับลด
- ราคาน้ำมันดิบ เวสต์เท็กซัสและเบรนท์ ปรับตัวลดลง หลัง IMF ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก สู่ระดับ 3.6% ในปี 2022 และ 2023 โดยปรับลดลงที่ระดับ 0.8% และ 0.2% ตามลำดับเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ก่อนหน้า เดือนม.ค. 65 เนื่องจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งนี้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันโลกมีแนวโน้มปรับลดลง
- ภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเมืองต่างๆ ของจีนยังคงกดดันตลาด หลังจากจีนประกาศใช้มาตรการเข้มงวดในเมือง Tangshan และ Zhengzhou ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางเขตเศรษฐกิจของจีน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และอาจประกาศล็อกดาวน์เมืองดังกล่าวหากยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศป รับตัวลดลง
+/- หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ สิ้นสุดสัปดาห์ที่ 15 เม.ย. 65 ปรับลดลงกว่า 4.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับเพิ่มขึ้นที่ 2.9 ล้านบาร์เรล สำหรับปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับลดลงที่ 1.7 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความกังวลภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีน ที่จีนยังคงล็อกดาวน์บางเขตในเมืองเซี่ยงไฮ้ ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินในประเทศปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะ ประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย ที่ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินยังคงคึกคักในช่วงเราะมะฎอน
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจากจีนประกาศส่งออกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย. 65 จากภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลในจีนปรับลดลง ขณะที่มาตรการ คว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย ส่งผลกระทบให้อุปทานน้ำมันดีเซลตึงตัว โดยเฉพาะในแถบยุโรป