‘ดัชเชสเคท’ ความหวังราชวงศ์อังกฤษ

แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนกลับมีข่าวมัวหมอง เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุคแห่งยอร์ก พระราชโอรสองค์โปรด ทรงคืนยศทหารและการเป็นองค์อุปถัมภ์องค์กรการกุศลต่างๆ แด่สมเด็จพระราชินีนาถฯ รวมทั้งจะทรงยุติการใช้พระยศ His Royal Highness  (HRH) ที่แสดงถึงความเป็นพระราชวงศ์ชั้นสูงผลจากคดีล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ 

ไม่เพียงเท่านั้นในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติ 70 ปี กลุ่มคนอังกฤษนิยมสาธารณรัฐ รณรงค์ “70 ปีพอแล้ว” (Not Another 70) เรียกร้องยกเลิกสถาบันกษัตริย์ โดยให้เหตุผลว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารไม่น่าจะเป็นกษัตริย์ที่ดีได้ และประชาชนควรมีสิทธิเลือกประมุขของรัฐได้เอง อย่างไรก็ตาม ข่าวดีเล็กๆ ของราชวงศ์อังกฤษมีให้เห็นอยู่บ้าง เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ (เคท) พระชายาเจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ ทรงมีชันษาครบ 40 ปี ถือว่าเป็นผู้ใหญ่วัยงามกับภารกิจที่จะหนักหน่วงขึ้น ระดับว่าที่ราชินี!!!

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ตั้งแต่เสกสมรสเข้าร่วมราชวงศ์อังกฤษในปี 2554 อดีตนางสาวเคท มิดเดิลตัน กลายเป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งที่ป๊อปปูลาร์มากๆ ถึงขนาดเป็นศูนย์กลางอนาคตราชวงศ์ได้เลย เพราะภาพลักษณ์อบอุ่นในช่วงเวลาที่ราชวงศ์อังกฤษกำลังประสบกับความยุ่งยาก ยิ่งตอนคอนเสิร์ตคริสต์มาสที่ผ่านมา ยิ่งตอกย้ำความงดงามนี้อย่างชัดเจน ดัชเชสโชว์เดี่ยวเปียโนประกอบเพลง“For Those Who Can't Be Here”ให้กับศิลปินทอม วอล์กเกอร์ ที่มหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์ มอบสำหรับทุกคนที่ต้องทำหน้าที่ดูแลชุมชนในช่วงโควิด-19 ระบาด

“ท่านสง่างามมาก โดนใจ เก่ง ใจดี อบอุ่น น่ารัก” วอล์กเกอร์ชมไม่หยุดปากว่าดัชเชสเคทอ่อนโยนเยือกเย็นกับทุกคน

คนที่ติดตามข่าวต่างประเทศจะเห็นได้ว่าตั้งแต่โลกเผชิญวิกฤติโควิด ทั้งเจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสเคททรงออกงานบ่อย เช่น ทรงวิดีโอคอลไปถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้าที่กำลังรับมือโควิด โรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนในอังกฤษไปแล้วราว 150,000 คนนับตั้งแต่ต้นปี 2563 ทรงเล่าเรื่องการใช้ชีวิตอยู่กับโอรส-ธิดาทั้ง 3 พระองค์ในช่วงล็อกดาวน์

ครั้นยกเลิกล็อกดาวน์ทั้งสองก็เสด็จออกงานอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ทอดพระเนตรภาพยนตร์เจมส์ บอนด์รอบพรีเมียร์ ไปจนถึงพบผู้นำกลุ่มประเทศจี7 และการประชุม COP26 ดัชเชสเคทผลักดันโครงการส่งเสริมการศึกษา และโครงการที่ทำร่วมกับเจ้าชายวิลเลียมส่งเสริมการดูแลสุขภาพจิตและปกป้องสิ่งแวดล้อม

เจมี โลว์เธอร์-พินเคอร์ตัน  อดีตเลขานุการส่วนตัวดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ เผยกับเดอะ ไทมส์ ว่า เสน่ห์ของดัชเชสเคทส่วนหนึ่งอยู่ที่ความสุภาพ ติดดิน หนักแน่น

“ท่านใช้เวลาสนทนากับผู้คน อดทน มีความเป็นควีนมัมในตัวท่าน เมื่อมีอะไรที่ต้องทำท่านก็ไปที่นั่นเพื่อทำสิ่งนั้น” อดีตเลขาฯ กล่าวโดยเทียบเคียงกับสมเด็จพระราชมารดาในควีนเอลิซาเบธที่ 2 ผู้ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความอดทนของอังกฤษระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

นับตั้งแต่เคทเริ่มเดตกับเจ้าชายวิลเลียมสมัยเป็นนักศึกษาในสกอตแลนด์สิ่งหนึ่งที่ผู้คนจับตากันมากคือภูมิหลังความเป็นชนชั้นกลาง แม้ว่าเธอเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนชั้นนำของอังกฤษ แต่หลายคนก็สงสัยว่าเคทจะเข้ากับราชวงศ์ที่เต็มไปด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีได้หรือไม่ ดูอย่างเจ้าหญิงไดอานา พระมารดาของเจ้าชายวิลเลียมที่ถูกสื่อจับจ้องนับตั้งแต่เสกสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในปี2524

แต่ดัชเชสเคทก็ทำหน้าที่ได้ดีแตกต่างจากเมแกน สะใภ้เจ้าอีกคน ในสื่ออังกฤษดัชเชสเคทได้รับรายงานข่าวด้านดี โดยเฉพาะเมื่อเมแกนและเจ้าชายแฮร์รีลาออกจากการเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงแล้วย้ายไปอยู่สหรัฐในปี 2564

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะมีคนชื่นชมไปหมด นักเขียนนิยาย “ฮิลารี แมนเทล” บอกว่า ดัชเชสเคทเหมือนหุ่นโชว์หน้าร้าน “ไม่มีบุคลิกภาพเป็นตัวของตัวเอง”

แต่ในสายตาคนทั่วไปดัชเชส นี่ละคือ บุคคลที่เป็นความหวังในช่วงเวลาที่ราชวงศ์เกิดวิกฤติ เจ้าชายแอนดรูว์ทรงถูกฟ้องแพ่งในสหรัฐคดีล่วงละเมิดทางเพศ พัวพันกับเจฟฟรีย์ เอปสทีนและกิสเลน แมกซ์เวลล์ ส่วนเจ้าชายแฮร์รีปีนี้ ทำท่าว่าจะพิมพ์บันทึกความทรงจำที่หลายคนจับตาว่าจะแฉอะไรอีก

ขณะที่ควีนพระชนมพรรษา 95 พรรษา ทรงลดการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพราะพระพลานามัยไม่เอื้ออำนวย เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารและชายาคามิลลา ทรงมีบทบาทมากขึ้น แต่หากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระชนมายุ 73 พรรษาทรงเป็นกษัตริย์ น่าจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยสู่เจ้าชายวิลเลียมและดัชเชสเคทที่จะทำให้สถาบันกษัตริย์ทันสมัยมากขึ้น

ฟิล แดมเพียร์ นักเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับราชวงศ์ กล่าวว่า ในช่วงที่เจ้าชายแฮร์รีเนรเทศตัวเองออกไป เจ้าชายแอนดรูว์อยู่ในเงามืด เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงพระองค์อื่นทรงชราภาพกันหมด “อนาคตทั้งหมดอยู่ที่วิลเลียมและเคทนี่ล่ะ”

“โชคดีมากที่ทั้งคู่ตั้งใจปฏิบัติกรณียกิจ และผมมั่นใจว่าดัชเชสเคทจะทำได้ดียิ่งกว่านี้ได้อีก” แดมเพียร์กล่าวกับเดลิเมล สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในตัวดัชเชสกับบทบาทว่าที่ราชินีแห่งสหราชอาณาจักร

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์