World Pulse: ชมเรือหลวงเพิร์ธที่ 3 กับตำนานแมว 9 ชีวิต
ออสเตรเลียกับไทยมีความสัมพันธ์ทางการทูตกันมาถึง 70 ปี ครอบคลุมในหลายมิติ การมาเยือนท่าเรือกรุงเทพของ เรือหลวงเพิร์ธที่ 3 (HMAS Perth III) แห่งกองทัพเรือออสเตรเลียเมื่อวันก่อน ถือเป็นหลักฐานแห่งมิตรภาพ ในโอกาสนี้สถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยเชิญสื่อมวลชนร่วมต้อนรับและเยี่ยมชมเรือลำดังกล่าว
เรือหลวงเพิร์ธที่ 3 เป็นเรือฟริเกตพิสัยไกลชั้นแอนแซค (Anzac Class) มีสมรรถนะป้องกันภัยในการรบทั้งทางอากาศ ผิวน้ำ และใต้น้ำ การเฝ้าระวัง สอดแนม และสกัดกั้น ความยาว 118 เมตร ระวางขับน้ำ 3600 ตัน ประจำการเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2549
โทนี เนเกิล ผู้บังคับการเรือหลวงเพิร์ธที่ 3 เล่าว่า การเดินทางสู่ทะเลหลวงครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกหลังมีการยกเครื่องซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ทั้งระบบวิศวกรรม สุขาภิบาล และเรดาร์ การมาเยือนเมืองไทยเพื่อพักซ่อมบำรุงระหว่างภารกิจในอินโดแปซิฟิก
"ผมมาที่นี่ก็ได้ติดต่อกับกองทัพเรือไทยและคนไทยอีกครั้งหนึ่งครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังโควิด-19 ที่ทำให้ไม่มีโอกาสในช่วงสองปีที่ผ่านมา การได้กลับมาที่นี่อีกครั้งจึงยอดเยี่ยมมาก" ผู้การฯ เรือหลวงเพิร์ธที่ 3 กล่าวและว่า ก่อนมาเมืองไทยเรือได้แวะที่สิงคโปร์มาก่อน ออกจากเมืองไทยแล้วจะไปมาเลเซียและกวม เพื่อซ้อมรบในแปซิฟิกซึ่งกระทำกันทุกๆ สองปี มีหลายชาติเข้าร่วมด้วย เช่น สหรัฐ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอื่นๆ
เห็นผู้การฯ เนเกิลให้สัมภาษณ์อย่างยิ้มแย้มแจ่มใสแต่ไม่ทิ้งท่าทีขึงขังแบบทหารก็อดถามไม่ได้ว่า อะไรคือความท้าทายใหญ่สุดในทะเล คำตอบที่ได้รับเล่นเอาหลายคนคาดไม่ถึง นั่นคือการเมาเรือ!
“แต่มานี่ท้องทะเลสงบครับ อีกอย่างหนึ่งที่ท้าทายมากที่สุดคือต้องอยู่ห่างจากครอบครัว ต้องห่างไกลจากคนที่รักเป็นเวลานานๆ เราคิดถึงพวกเขา แม้มีโอกาสติดต่อสื่อสารแต่ก็ยังคิดถึง” ได้ฟังคำตอบจากผู้การฯ นับว่าชีวิตทหารเรือน่าเห็นใจอยู่ไม่น้อย
คุยกันพอหอมปากหอมคอได้เวลาขึ้นเรือ ผู้การฯ ต้องต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทั้งนักการทูตและตัวแทนจากกองทัพเรือไทย ทันทีที่ได้เหยียบย่างขึ้นไปบนเรือหลวงเพิร์ธที่ 3 เหล่าลูกเรือทั้งชายหญิง (ผู้ชายมากกว่า) รอคอยรับแขกอย่างอบอุ่น ทหารหลายคนเพิ่งมาเมืองไทยครั้งแรก เช่นเดียวกับสื่อมวลชนบางคนที่เพิ่งขึ้นเรือรบครั้งแรก อาหารและเครื่องดื่มที่นำมาต้อนรับก็เต็มที่รวมถึงไวน์ออสเตรเลียและบาร์บีคิวเนื้อจิงโจ้ ลูกเรือเล่าว่า จะได้ดื่มเบียร์ ไวน์ และรับประทานเนื้อจิงโจ้เฉพาะเมื่อเทียบท่าเท่านั้น วันนี้พวกเขาจึงสำเริงสำราญเต็มที่
ก่อนกลับแวะไปหาเครื่องดื่มสั่งลา ได้เบียร์ Red Lead Ale ที่ผลิตให้กับเรือหลวงเพิร์ธโดยเฉพาะ สังเกตโลโก้มีทั้งหัวแมวและรอยเท้าสีแดง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ความว่า Red Lead คือแมวตัวเมียประจำเรือหลวงเพิร์ธที่ 1 เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เจ้า Red Lead หนีออกจากเรือตอนแวะเติมน้ำมันที่ท่าเรือเมืองตันจุงปริยก (Tanjung Priok) ที่ตอนนี้อยู่ในจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หนึ่งคืนก่อนเรือถูกถล่มด้วยตอร์ปิโดจากกองทัพญี่ปุ่นจนจมลงเมื่อหลังเที่ยงคืน วันที่ 1 มี.ค.2485 เหล่ากลาสีซึ่งเชื่อในโชคลางกล่าวในภายหลังว่า แมวน่าจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรือจึงหนีไปก่อน ส่วนชื่อ Red Lead มาจากการที่มันเดินย่ำบนสีแดงแล้วทิ้งรอยเท้าเอาไว้ทั่วเรือ สร้างความปวดหัวให้ลูกเรือไม่มีที่สิ้นสุด
แม้เรื่องราวดังกล่าวจะเกิดขึ้นบนเรือหลวงเพิร์ธที่ 1 แต่ตำนานรอยเท้าสีแดงของเจ้า Red Lead ก็ยังถูกจดจำสืบต่อมาจนถึงเรือหลวงเพิร์ธที่ 3 บนเรือมีรอยเท้าแมวสีแดงอยู่ด้วย ลูกเรือเล่าเรื่องนี้ให้แขกฟังอย่างสนุกสนาน สะท้อนถึงมิตรภาพที่ไม่ได้มีเฉพาะมนุษย์กับมนุษย์แต่ยังรวมไปถึงมนุษย์กับสัตว์ ณ กลางมหาสมุทรด้วย
สำหรับเรือหลวงเพิร์ธที่ 3 ข้อมูลจากเพจกองเรือยามชายฝั่ง กองเรือยุทธการ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ระบุ "เรือ ต.112 ออกเรือเพื่อส่งเรือรบ ทร.มิตรประเทศ HMAS Perth ของกองทัพเรือออสเตรเลีย เข้าเยี่ยมเมืองท่าประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 - 6 ส.ค.65 โดยเรือ ต.112 ไปรอพบกับ HMAS Perth ในทะเล บริเวณด้านทิศตะวันตกของเกาะคราม ทำการติดต่อสื่อสารทางวิทยุโทรศัพท์ โบกหมวก เพื่อแสดงถึงความปรารถนาดี เดินทางในทะเลอย่างปลอดภัย และประสบโชคดี ตามประเพณีชาวเรือ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม 2565 ระหว่างเวลา 13.00 - 18.00 น."
ถือเป็นการร่ำลาเมืองไทยอย่างอบอุ่น รอวันที่จะพบกันใหม่ในอนาคต
