ครั้งสุดท้ายอาลัย‘อาเบะ’

ครั้งสุดท้ายอาลัย‘อาเบะ’

ขณะที่ World Pulse ฉบับนี้ปรากฏสู่สายตาผู้อ่าน ดวงวิญญาณของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นก็ได้สถิต ณ ภพภูมิแห่งสันติสุข พิธีศพเสร็จสิ้นเมื่อวันอังคาร (12 ก.ค.) ท่ามกลางความโศกเศร้าของชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก

สำหรับชาวญี่ปุ่นในประเทศไทยและคนไทยที่อาลัยกับการจากไปของอดีตนายกฯ ญี่ปุ่นท่านนี้ วันนี้ (14 ก.ค.) สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้จัดเตรียมสมุดลงนามแสดงความอาลัยเป็นวันสุดท้าย ในเวลา 9.00 – 12.00 น. และ 14.00 – 16.00 น. (ปิดทำการเวลา 12.00 – 14.00 น.) ที่บริเวณชั้น 2 อาคารแผนกกงสุลและสำนักข่าวสารญี่ปุ่น สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เลขที่ 177 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 (สถานเอกอัครราชทูตตั้งอยู่ระหว่างสถานีตำรวจลุมพินีและรถไฟใต้ดินสถานีลุมพินี ถนนวิทยุ) ผู้ที่มีความประสงค์จะลงนามแสดงความอาลัยจำเป็นต้องแสดงบัตรประชาชนหรือเอกสารยืนยันตัวตน (ตัวจริง) ให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่ประตูทางเข้าอาคารแผนกกงสุลและสำนักข่าวสารญี่ปุ่นเพื่อลงบันทึกการเข้าออกสถานเอกอัครราชทูต

การลงนามไว้อาลัยของสถานทูตญี่ปุ่นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันอังคาร (12 ก.ค.) ซึ่ง World Pulse ในฐานะสื่อมวลชนที่ได้ติดตามผลงานของอดีตนายกฯ อาเบะ มาตั้งแต่เริ่มเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ในปี 2555 ไปร่วมลงนามไว้อาลัยด้วยตั้งแต่วันแรก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ World Pulse ไปสถานทูตญี่ปุ่น แต่ครั้งนี้บรรยากาศแตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ ทันทีที่ไปถึงก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ยิ่งใหญ่ในแง่ของพิธีกรรมหรืออาคารสถานที่ แต่เป็นความยิ่งใหญ่ของสายสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับไทยและมิตรประเทศอื่นๆ ที่อดีตนายกฯ อาเบะเป็นส่วนหนึ่งในการสานสายใยนั้น 

โดยปกติการติดต่อสถานทูตไม่ว่าประเทศใหญ่หรือประเทศเล็กกฎระเบียบจะเข้มงวด การเข้าออกยากเย็นอย่างน้อยๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะต้องซักถามอย่างละเอียด  แต่ในวันนั้นเมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่สถานทูตทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวไทยคอยต้อนรับแขกอย่างเคารพและให้เกียรติตั้งแต่ประตูหน้า แค่แสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือแสดงเอกสารยืนยันตัวตนอื่นๆ ตามที่สถานทูตแจ้งไว้ก็สามารถเข้าไปยังจุดลงนามได้อย่างราบรื่น ณ ห้องลงนามบริเวณชั้นสอง บรรยากาศโอ่โถง เรียบง่าย แต่เคร่งขรึม ประชาชนทั้งชาวไทยและญี่ปุ่นทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย ช่างภาพสื่อมวลชนคอยติดตามทำข่าวอยู่จำนวนหนึ่ง 

World Pulse ไปถึงสถานทูตญี่ปุ่นราว 9 โมงเศษๆ ไล่เลี่ยกับที่ ไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยไปถึงพอดี โอกาสนี้ นะชิดะ คะสุยะ (H.E. Mr. Nashida Kazuya) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทยมาคอยต้อนรับอุปทูตสหรัฐ รวมถึงเอกอัครราชทูตคนอื่นๆ และบุคคลสำคัญที่ทยอยมาตลอดทั้งวัน 

 เมื่อลงนามเสร็จสิ้น World Pulse จึงมีโอกาสพูดคุยกับอุปทูตสหรัฐ 

"เราเศร้ามากเลยครับกับข่าวการลอบสังหาร เป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน ชาวอเมริกันนับถืออดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ ชินโซมากๆ ท่านเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่  เป็นผู้สืบทอดประชาธิปไตย เป็นเพื่อนที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐ ความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในเสาหลักในภูมิภาค และวิสัยทัศน์เรื่องอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างได้รับการนำเสนอครั้งแรกโดยอดีตนายกฯ อาเบะ เมื่อหลายปีก่อนตอนท่านเป็นนายกฯ สมัยแรก ท่านช่วยพัฒนาคอนเซ็ปและหลักการที่เรามีร่วมกัน รวมถึงกับอาเซียนด้วย" 

อุปทูตฮีธยอมรับว่า นี่เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่แต่เชื่อว่าชาวญี่ปุ่นแข็งแกร่งและสามารถก้าวข้ามโศกนาฏกรรมครั้งนี้ไปได้ ตำนานของอาเบะยังอยู่ให้ชาวญี่ปุ่นได้เรียนรู้ถึงอิทธิพลสำคัญที่อดีตนายกฯ ได้สร้างให้กับภูมิภาคนี้ 

นั่นคือความเห็นจากอุปทูตสหรัฐประจำประเทศไทยต่ออสัญกรรมของอดีตนายกฯ ญี่ปุ่น ที่สัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่คำพูดสวยหรูจากปากของนักการทูต  แต่เป็นความรู้สึกสะท้อนถึงมิตรภาพอันเหนียวแน่นระหว่างพันธมิตรเก่าแก่ระดับมหาอำนาจโลกที่มีไทยเข้าไปเกี่ยวข้องในความสัมพันธ์ทุกระดับ