สหราชอาณาจักรเปิดตัว ‘New Cyber Warfare Command’

สหราชอาณาจักรเปิดตัว ‘New Cyber Warfare Command’

เมื่อไม่นานมานี้กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักรได้ออกมาประกาศจัดตั้งหน่วยบัญชาการทางไซเบอร์และแม่เหล็กไฟฟ้า (Cyber and Electromagnetic Command) ขึ้นพร้อมทั้งลงทุนส่งเสริมศักยภาพทางด้านการสงครามดิจิทัลของกองทัพมูลค่ากว่า 1 พันล้านปอนด์

หน้าที่หลักของหน่วยบัญชาการใหม่นี้คือ การป้องกันเครือข่ายทางการทหารของสหราชอาณาจักรจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 90,000 ครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมา

โดยมุ่งเน้นไปที่การควบคุมสงครามไซเบอร์ รวมถึงเทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การลดประสิทธิภาพของการสั่งการและการควบคุม การรบกวนสัญญาณไปยังโดรนหรือขีปนาวุธ และการสกัดกั้นการสื่อสารของฝ่ายตรงข้าม

นอกจากนี้ยังประสานงานด้านการปฏิบัติการทางไซเบอร์แบบเชิงรุกร่วมกับกองกำลังไซเบอร์แห่งชาติ(National Cyber Force หรือ NCF) ที่มีการจัดตั้งขึ้นก่อนหน้านี้

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการเปิดเผยเกี่ยวกับแผนพัฒนาเว็บไซต์ที่มีการกำหนดเป้าหมายดิจิทัลใหม่โดยมีเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านปอนด์ และได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เชื่อมต่อกับระบบอาวุธผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีอื่นๆ รวมถึงช่วยให้การสื่อสารระหว่างส่วนต่างๆ ของกองทัพดีขึ้น

โดยยกตัวอย่างภัยคุกคามที่ถูกตรวจจับจากเซ็นเซอร์บนเรือหรือในอวกาศก่อนที่จะถูกปิดการใช้งานโดยเครื่องบิน F-35 โดรน หรือปฏิบัติการไซเบอร์เชิงรุก ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการจากรัฐบาลที่จะให้ปฏิบัติการทางไซเบอร์เป็นเสมือนแนวหน้าทางด้านกลยุทธ์การป้องกันของสหราชอาณาจักรซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนการป้องกันเชิงกลยุทธ์

นอกจากนี้ เรื่องการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติของสงครามก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากเช่นเดียวกัน โดยจะเห็นได้ชัดเจนจากกรณีสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่มีการใช้ระบบและขีดความสามารถทางด้านดิจิทัลขั้นสูงควบคู่ไปกับการโจมตีทางกายภาพ

รวมไปถึงการที่กองทัพยูเครนใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเป็นแนวทางในการระบุบ่งชี้ศัตรูและเปิดฉากโจมตีอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยให้กองทัพยูเครนสามารถหยุดยั้งการรุกคืบของรัสเซียที่ปิดล้อมอยู่ได้ ซึ่งแน่นอนว่ารูปแบบการทำสงครามกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่หลายคนไม่คาดคิด เห็นได้จากการที่สหราชอาณาจักรต้องเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์ในแนวรบใหม่อยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นผู้ที่จะชนะในสงครามจะต้องมีกองกำลังที่มีศักยภาพสูง มีอุปกรณ์ที่ดีขึ้น และมีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ล้ำกว่าฝ่ายตรงข้าม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้กองทัพของสหราชอาณาจักรเตรียมความพร้อมในปฏิบัติการพิเศษนี้โดยการเชื่อมโยงเรือ เครื่องบิน รถถัง และผู้ออกปฏิบัติการเข้าด้วยกัน เพื่อให้การแบ่งปันข้อมูลที่สำคัญๆ ทำได้ทันที และการโจมตีที่รวดเร็วและทำได้ไกลมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังเปิดรับสมัครบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จำนวนมากเพื่อเสริมทีมให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

เราจะเห็นได้ว่า ไม่ใช่แค่เฉพาะองค์กรเอกชนเท่านั้นที่ตื่นตัวกับเรื่องภัยคุกคามทางไซเบอร์ องค์กรภาครัฐในหลายประเทศก็ต่างให้ความสำคัญในเรื่องนี้ไม่แพ้กัน

เพราะทุกคนทราบดีว่า หากความเสียหายเกิดขึ้น ผลลัพธ์ที่ตามมายากจะประเมินค่าได้ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมของบุคลากร เทคโนโลยี แผนการทั้งแบบเชิงรุกและเชิงรับจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในทุกๆ ภาคส่วนครับ