ปีแห่งการผันผวน

เข้าสู่เดือนที่ 2 ของปี 2568 ซึ่งเราเพิ่งจะผ่านพ้นเทศกาลต้อนรับปีใหม่ไปหมาดๆ แต่กลับต้องพบเจอการเปลี่ยนแปลงมากมายโดยเฉพาะการเมืองในระดับโลกที่นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นก่อให้เกิดผลกระทบไปทั่วโลก
เพราะเศรษฐกิจโลกกับเศรษฐกิจของแต่ละประเทศกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน จนผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่งอาจส่งผลต่อประเทศในอีกซีกโลกหนึ่งได้ เพราะระบบเศรษฐกิจของโลกนั้นเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน วิกฤติเศรษฐกิจในแต่ละครั้งตั้งแต่ต้มยำกุ้ง แฮมเบอร์เกอร์ ซับไพรม์ จึงขยายผลไปสร้างวิกฤติให้กับประเทศอื่นได้มากมาย
เดิมทีเราอาจค้าขายได้ดีโดยไม่ต้องสนใจภาวะเศรษฐกิจใน อเมริกา ยุโรป แอฟริกา หรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านเรา แต่ทุกวันนี้เราจำเป็นต้องใส่ใจตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านี้เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่า กำลังซื้อเป็นอย่างไรและจะกระทบกับเรามากน้อยแค่ไหน
หรือจะเป็นภาวะขยายตัวของเอไอที่ทำท่าจะถึงจุดเปลี่ยนด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีเอไอของจีนที่ใช้เงินลงทุนต่ำกว่าเทคโนโลยีเอไอของสหรัฐอเมริกาหลายสิบเท่าจนทำให้นักลุงทุนเกิดความไม่มั่นใจว่าฟองสบู่เอไอจะแตกออกเมื่อไร
ความไม่แน่นอนที่เกิดจึงดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่ภาวะผันผวนในระบบเศรษฐกิจโลกทำให้ทุกอย่างคาดเดาได้ยากขึ้น แต่สำหรับบ้านเราแล้วปีนี้อาจเป็นอีกปีหนึ่งที่เราต้องพบกับอุปสรรคสำคัญหลายอย่าง
ที่ต้องก้าวข้ามไปให้ได้โดยเฉพาะเรื่องของ “หนี้” ที่สะสมมาหลายปี
ปัจจุบันคนไทยมีหนี้โดยรวม 13.59 ล้านล้านบาท โดยเป็นหนี้เพื่อที่อยู่อาศัยนำมาเป็นอันดับที่หนึ่ง ตามด้วยยานพาหนะและบัตรเครดิต ยิ่งอัตราหนี้สูงยิ่งหมายถึงกำลังในการจับจ่ายใช้สอยที่ลดลงมามากขึ้นๆ เพราะรายได้ที่ได้มาต้องนำไปชำระหนี้เป็นอันดับแรก
แต่ปัญหาสำคัญจริงๆ อยู่ที่ปริมาณหนี้ด้อยคุณภาพหรือที่เราคุ้นเคยกันดีว่า NPL ซึ่งมีมูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 13.4% ซึ่งนั่นแปลว่าหากเราเดินอยู่บนท้องถนนสวนกับคน 10 คนอาจมีคนถึง 2 คนที่เพิ่งผ่านหน้าเราไปนั้นเป็นคนที่มีปัญหาหนี้จนต้องปรับโครงสร้าง
เงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลวางแผนไว้ไม่ว่าจะเป็น 1.5 หรือ 1.7 แสนล้านจึงน่ากังวลว่าจะก่อให้เกิดเงินสะพัดในระบบได้มากน้อยเพียงใด
เพราะโดยทั่วไปเมื่อเงินถึงมือประชาชนแล้วจะเกิดการหมุนเวียน 3-5 รอบเช่นเอาไปจับจ่ายใช้สอยให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาด ส่วนพ่อค้าแม่ค้าก็ซื้อเนื้อสัตว์เป็นวัตถุดิบจากเกษตรกร ส่วนเกษตรกรก็ซื้อปุ๋ย ซื้ออาหารสัตว์ ฯลฯ เกิดเป็นเงินหมุนเวียนในระบบไม่น้อยกว่า 3 รอบ
แต่เมื่อประชากรจำนวนมากมีภาระหนี้ นั่นแปลว่าเงินที่ได้มาจะถูกนำไปชำระหนี้ทันที โดยเฉพาะหนี้นอกระบบที่แทบจะไม่ถูกนำมาคำนวณในระบบเศรษฐกิจทำให้เม็ดเงินหลายแสนล้านที่รัฐบาลคาดหวังไม่ถูกนำมาใช้จ่ายหมุนเวียนมากอย่างที่ควรจะเป็น
ในขณะที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกก็ดูจะไม่เอื้อให้คนกล้าใช้จ่ายเงินมากนัก ทั้งภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ หรืออิสราเอลกับฮามาสที่แม้จะหยุดยิงไปแล้วแต่ก็ยังมีภาวะตึงเครียดเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ในตะวันออกกลางก็มีหลายประเทศยังหาทางออกไม่ได้เช่นซีเรีย
แต่เศรษฐกิจย่อมหาทางไปต่อได้เสมอ เช่นในรัสเซียปัจจุบันที่แทบจะค้าขายกับประเทศไหนในโลกไม่ได้ แต่หากดูท้องถนนในรัสเซียทุกวันนี้รถที่วิ่งไปมา หากเป็นรถใหม่นั้นจะเป็นยี่ห้อของจีนเป็นหลัก สะท้อนให้เห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและรัสเซียที่ขยายตัวขึ้นมาทดแทนประเทศอื่น ที่ไม่ได้ค้าขายกับรัสเซียต่อด้วยปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
เศรษฐกิจย่อมๆ ที่เติบโตอยู่ไม่แพ้กันคือตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่ยังขยายตัวได้อยู่ แต่น่าเสียดายที่การเติบโตในส่วนนี้ไม่ได้ส่งผลกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมมากนัก ไม่เหมือนกับการขยายตัวของธุรกิจดิจิทัลในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ได้รับอานิสงส์จากกระแสการตื่นตัวของเทคโนโลยีเอไอเป็นอย่างมาก
แต่การเติบโตของเอไอในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยความผันผวน โดยเราจะเห็นการปรับตัวขึ้นและลงของราคาหุ้นบริษัทด้านเอไออย่างรุนแรงตามแต่กระแสข่าวและการวิเคราะห์ จนทำให้กราฟของอุตสาหกรรมนี้เป็นเหมือนรถไฟเหาะ ที่ขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้วทิ้งดิ่งลงมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพุ่งขึ้นอีกครั้ง
ความผันผวนจึงยังเป็นสิ่งที่เราต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่มีทางใดรับมือนอกจากเตรียมพร้อมให้มากที่สุดและปรับตัวให้รับกับทุกกระแสการเปลี่ยนแปลง