เวลาและเป้าหมาย (จบ)

คนรุ่นใหม่มักมองเป้าหมายและปลายทางเป็นหลัก
หลายคนใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมายจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของคนรุ่นใหม่ อาจเป็นเพราะเป้าหมายไม่ชัดเจน จนยากที่จะหาทิศทางในชีวิต หรือบางครั้งอาจเป็นเพราะเป้าหมายที่มีนั้น ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงจนใช้ชีวิตสับสนไม่เป็นไปตามทิศทางที่ควรจะเป็น
ที่สำคัญคือคนรุ่นใหม่มักมองเป้าหมายและปลายทางเป็นหลัก นั่นคือ โฟกัสที่ความสำเร็จไม่ใช่กระบวนการและสิ่งที่ต้องทำเพื่อไปสู่ปลายทาง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วจากจุดเริ่มต้นกว่าจะถึงปลายทางได้นั้น มีสิ่งที่ต้องทำระหว่างทางมากมาย
จากบัณฑิตจบใหม่ ที่ทำงานไม่เป็น ฝึกฝนจนทำได้ และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ กว่าจะไต่เต้าหาความสำเร็จได้ต้องใช้เวลาหลายปี ซึ่งระหว่างทางนั้นเราอาจพบเจอเส้นทางใหม่ ๆ หรือได้เรียนรู้สิ่งใหม่ และปรับตัวเข้าสู่เป้าหมายที่เปลี่ยนไป
ส่วนตัวผมเองแม้เคยอยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์สมัยยังเด็กเพราะชื่นชอบการกำกับแสดง แต่ก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นมามากมาย เช่นเป็นอาจารย์ พ่อค้า จนถึงการเป็นนักธุรกิจ การเข้าสู่โลกความเป็นจริง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะต้องพบอุปสรรคมากมายระหว่างทาง
เปรียบเทียบชีวิตคนเราเหมือนโดมิโนที่จัดเรียงอย่างสวยงามรอให้มีคนดันให้ตัวแรกล้มก่อนที่อันที่ 2 และ 3, 4, 5 ล้มตาม ๆ กันจนได้ภาพที่ดูยิ่งใหญ่อลังการ ซึ่งระหว่างอันแรกถึงอันสุดท้ายนั้นจำเป็นจะต้องมีโดมิโนตัวอื่นอีกนับร้อยนับพันตัวในเส้นทาง
ชีวิตคนเราที่ดำเนินไปเพื่อความสำเร็จในปลายทางจึงต้องรู้จัก “ก้าวแรก” ซึ่งก็คือโดมิโนตัวแรกที่ทำให้ตัวอื่นล้มต่อเนื่องกันไปเพื่อเดินทางไปสู่อันสุดท้ายปลายทางได้ นั่นคือความต่อเนื่องและความมีระเบียบวินัยมากพอที่จะทำให้เดินหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง
อุปสรรคสำคัญ คือ เมื่อเราก้าวไปถูกทิศทางและทุ่มเทอย่างถูกที่ถูกเวลา อาจจะสามารถทำให้เราประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ทันตั้งตัว ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ในขณะเดียวกันอาจกลายเป็นดาบสองคมได้ หากเราหลงไปกับคำสรรเสริญเยินยอและเสียงชื่นชมจากคนรอบข้าง
สุดท้ายแล้ว เราอาจจะติดกับดักแห่งความสำเร็จระยะสั้นจนไปไม่ถึงเป้าหมายระยะยาวซึ่งก็คือปลายทางที่แท้จริง เราจึงต้องรู้จักเอาชนะใจตัวเองและต้องแข่งกันกับตัวเองด้วยแทนที่จะแข่งขันกับผู้อื่นแต่เพียงอย่างเดียว
เช่นเดียวกันกับในแต่ละครั้งเมื่อวาระปีใหม่เวียนมาถึง เราก็จะมีความหวังที่จะมีการเปลี่ยนแปลง และมีพัฒนาการของชีวิตให้ดียิ่งขึ้น จึงเป็นสิ่งช่วยกระตุ้นให้เรามีความคิดริเริ่มที่ดีและลงมือทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าปล่อยให้เป็นเพียงไฟไหม้ฟางที่ทำเพียงไม่กี่วันแล้วกลับไปเป็นแบบเดิม
ที่สำคัญคือต้องเลิกการผัดวันประกันพรุ่ง ไม่เลื่อน ไม่ยกเลิก อาจทำเพียงทีละนิด ๆ แต่ทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดพัฒนาการขึ้นในทุกวัน จนสามารถเปลี่ยนนิสัยเราได้สำเร็จ ตัวอย่างที่ทำได้ง่าย ๆ คือเราอาจเริ่มต้นในเวลาเพียงแต่วันละ 5 นาทีลงมือทำเพื่อเป้าหมายในอนาคต
จาก 5 นาทีเราอาจเพิ่มเป็น 10 นาที และอาจกลายเป็น 1 ชั่วโมงในท้ายที่สุด ซึ่งนั่นก็จะยิ่งทำให้เรา เข้าใกล้เป้าหมายได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และแม้เราจะเปลี่ยนใจไปยังเป้าหมายอื่น แต่เราก็ได้มีพัฒนาการเพิ่มขึ้นไปแล้ว และทำให้รับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้มากขึ้นเช่นกัน