อ่านเพื่ออนาคต

อ่านเพื่ออนาคต

ในโลกที่แข่งขันกันด้วยภูมิปัญญาและความสามารถ “ความรู้” เป็นองค์ประกอบสำคัญที่บ่งบอกขีดความสามารถทางการแข่งขันทั้งของตัวบุคคลรวมไปถึงระดับประเทศ ดังที่เราได้เห็นการจัดอันดับประเทศต่างๆ อยู่เป็นประจำทุกปี

ยิ่งเทคโนโลยีดิจิทัลเติบโต โลกก็ยิ่งต้องใช้พลังความคิดและความสร้างสรรค์มากขึ้น ความรู้ในศาสตร์ต่างๆ จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สามารถเติมเต็มโลกดิจิทัลผ่านทางคอนเทนต์ หรือคิดค้นเป็นนวัตกรรมเพื่อต่อยอดเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ความรู้จึงเป็นรากฐานสำคัญ ที่ต้องอาศัยการอ่านเรื่องราวต่างๆ แล้วสังเคราะห์เป็นความรู้ของตัวเอง ยิ่งรู้มากก็ยิ่งสกัดเอาแก่นของความรู้นั้นมาสร้างเป็นนวัตกรรม และถ่ายทอดให้กับผู้อื่น ซึ่งก็จะยิ่งทำให้เรามีความมั่นใจที่จะขวนขวายหาความรู้ใหม่ๆ มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเราต่อไปเรื่อยๆ

แต่สิ่งที่น่ากังวลคืออัตราการอ่านหนังสือของเรากลับตกต่ำลงเรื่อยๆ จนเริ่มสังเกตได้ว่าเด็กรุ่นใหม่ๆ เริ่มจับประเด็นได้ไม่เก่งเท่าคนรุ่นก่อน เพราะการอ่านนั้นสัมพันธ์กับการเรียนรู้ที่จะช่วยให้เราจับประเด็นต่าง ๆ เพื่อสังเคราะห์เป็นความรู้เองได้

 

อาจารย์หลายๆ ท่านก็มักประสบปัญหาแบบเดียวกัน นั่นคือเด็กนักเรียนจับประเด็นไม่ค่อยได้ตรงกันข้ามกับการหาข้อมูลที่รู้จักการใช้เทคโนโลยีช่วยสืบค้น แต่เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วกลับสรุปย่อให้ตรงกับความต้องการใช้งานไม่ได้

บางครั้งอาจารย์ก็ต้องให้เด็กๆ เขียนคีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญที่ได้จากข้อมูลที่หามาได้สัก 10 คำ แล้วค่อยตัดคำที่สำคัญน้อยที่สุดไปเรื่อย ๆ จนเหลือแต่คำสำคัญ ๆ ที่ตรงกับแก่นของเรื่องที่ได้จากการสืบค้น ซึ่งต้องค่อย ๆ สอนกันไปเพราะทักษะด้านนี้ของเด็กรุ่นใหม่ลดลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ

เรื่องนี้นับว่าน่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะเรากำลังพูดถึงสถาบันการศึกษาที่ส่วนมากจะนำเอาตำราหรือบทเรียนที่เขียนขึ้นในอดีตมาสอนให้เด็กนำไปใช้ทำงานในอนาคต นั่นหมายความว่าเขาจะมีความรู้ที่เอาไปใช้งานจริง ๆ ได้น้อยมากเพราะมันหมดอายุไปเกือบหมดแล้ว

หลังจากจบใหม่ๆ ความรู้ที่ได้มาจากรั้วมหาวิทยาลัยอาจใช้ประโยชน์ได้จริงๆ จังๆ สัก 40%-50% แต่เมื่อผ่านไปสิบปีมันอาจลดลงเหลือเพียง 25% และถ้ายาวนานถึง 20 ปีมันก็อาจเหลือให้ใช้งานได้จริงเพียง 5%-10% เท่านั้น

อนาคตของเขาจึงขึ้นอยู่กับการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อใช้งานในอนาคต ซึ่งทั้งหมดจำเป็นต้องอาศัยการอ่าน การจับประเด็น เพื่อสังเคราะห์เป็นความรู้ใหม่ หากเด็ก ๆ ขาดทักษะในด้านนี้ก็จะทำให้เขาเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้ช้าลงจนแข่งขันกับคนอื่นได้ยากมาก

การแก้ปัญหาด้วยการส่งเสริมการอ่านและการจับประเด็น ให้กับเด็กรุ่นใหม่จึงเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วนในวันนี้