เจาะสนามเลือกตั้ง ‘4 ชาติ’ เขย่าสมรภูมิชายแดนไทย

"รัฐบาล-กองทัพ" ยังต้องเตรียมพร้อม รับมือปัญหาชายแดนรอบทิศ ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้ชายแดนทุกด้านปะทุขึ้นมาพร้อมกัน
KEY
POINTS
- เมียนมากำลังเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในระยะยาวส่งผลดี แต่ปัจจุบันไทยยังต้องรับแรงกระแทก
- ไทยเข้าสู่เลือกตั้งใหญ่ 9 ธ.ค. นโยบาย นายกฯ-รัฐบาลใหม่ ล้วนมีผลต่อปัญหาชายแดนไทย
- ฮุนเซน วางยุทศาสตร์รบไทย หวังเรียกเรตติ้งการเมืองภายใน ชายแดนไทย-กัมพูชา คงได้ระทึกกันต่อ
- หากไม่มีอุบัติเหตุการเมือง มาเลเซีย มีเลือกตั้งใหญ่ปี70 ไฟใต้อาจมีจุดเปลี่ยนอีกครั้ง
หาก สถานการณ์ชายแดนไทย ถูกผูกโยงกับการเมืองภายในประเทศ แน่นอนว่า การเลือกตั้งใหญ่ของประเทศรอบบ้านทั้ง เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย รวมถึงไทย จะส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลัง รัฐประหาร ปี 2564 โดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประเทศเมียนมา ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญสงครามกลางเมือง และการสู้รบกับชนกลุ่มน้อยตามตะเข็บชายแดน ยังถูกนานาชาติโดดเดี่ยว ซ้ำเติมด้วยภัยพิบัติธรรมชาติ เหตุแผ่นดินไหว ส่งผลให้ประเทศมีแต่ทรงกับทรุด
เมียนมากำลังเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 4 ปี ท่ามกลางการตอกย้ำของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ว่า เลือกตั้งครั้งนี้มีความเสรีและยุติธรรม แบ่งออกเป็น 3 เฟส คือ เฟสแรก วันที่ 28 ธันวาคม 2025 เฟสสอง 11 มกราคม 2506 และเฟสสาม 25 มกราคม 2026
ขณะที่หลายพื้นที่เมียนมายังต้องเผชิญการสู้รบ โดยเฉพาะบริเวณแม่น้ำเมย ตรงข้ามชายแดน จ.ตากของไทย โดยกองกำลังนเรศวร กองทัพภาคที่ 3 สั่งปิดด่านตลอดแนว เฝ้าระวัง กดดัน ทุกวิถีทาง หลังกระสุนสู้รบตกฝั่งไทย ส่งผลกระทบประชาชน บ้านเรือนเสียหาย
ควบคู่เสียงระเบิดตึกเคเคปาร์ค ชเวโก๊กโก แหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ หลอกลวงคนทั่วโลก เมียนมา หวังทลายให้สิ้นซากจากพื้นที่ เพื่อให้หลุดพ้นการโดดเดี่ยว และเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติรับเลือกตั้งใหญ่ ทำให้บ้านเรือนฝั่งไทย พังเสียหายหลายหลังคาเรือน
คนต่างด้าวจากหลายชาติอพยพจากเคเคปาร์ค ชเวโก๊กโก เหมือนผึ้งแตกรัง ข้ามมายังฝั่งไทย กลายเป็นภาวะจำยอมที่ไทยต้องรองรับ จัดจุดคัดกรอง ประสานประเทศต้นทาง ให้รับคนของตัวเองกลับ
พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 3 (ทภ.3) ให้คงสภาพพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ให้สงบไว้ก่อน เพราะปัจจุบันกองทัพมีปัญหาหนักฝั่งชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งพื้นที่กองทัพภาคที่2 (ทภ.2) อีสานใต้ และพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) จ.สระแก้ว
พล.ต.ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ทำหน้าที่ เป็นมือประสานสิบทิศ ไปยังผู้นำทหารเมียนมา และชนกลุ่มน้อย ขอให้ระวัง ไม่ให้กระสุนการสู้รบตกมายังฝ่ายไทย และให้เพลาๆ ระเบิดตึกที่อยู่ใกล้พื้นที่ชายแดนไทย ป้องกันไม่ให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือ
ทั้งนี้ กองกำลังนเรศวรประเมินว่า หลังการเลือกตั้งเมียนมา ในระยะยาวจะส่งผลดีต่อชายแดนไทย แต่ระหว่างนี้ไทยก็ยังต้องรับแรงกระแทกไปก่อน ทั้งเรื่องการสู้รบ การอพยพคนต่างชาติ ผู้ลี้ภัย จนกว่าประเทศเมียนมาจะเข้ารูปเข้ารอย
ไม่ต่างกันเลือกตั้งไทย จัดขึ้นวันที่ 8 ก.พ.2569 ช่วงรอยต่อความขัดแย้งประเทศกัมพูชา ยังไม่รู้ว่าบทสรุปจะออกมาทิศทางใด นโยบาย จุดยืน “นายกฯ-รัฐบาลใหม่” ล้วนส่งผลสำคัญทั้งด้านการเมือง การทหาร และการต่างประเทศ
แม้กูรูการเมืองจะประเมินว่า กระแสรักชาติจะเรียกคะแนนนิยมให้“อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย แต่กระแสพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และการกลับมาของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” พรรคประชาธิปัตย์ ก็แรงไม่แพ้กัน และอาจส่งผลให้สมการการเมืองเปลี่ยน
เพราะนอกจากนโยบายแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แล้ว การขจัดกลุ่มทุนเทา เกี่ยวข้องสแกมเมอร์ สูบเลือดเนื้อประชาชน และประเทศชาติ ส่งผลต่อการตัดสินใจของคนไทยไม่น้อย
หลังจากบางพรรคการเมือง แสดงจุดยืนขอสงวนสิทธิ์ไม่จับมือพรรคที่มีแนวโน้มจะนำพาประเทศชาติเดินไปในทางไม่สุจริต รวมถึงนโยบายต่างๆ ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งของคนในชาติ
โฟกัสการเมืองภายในกัมพูชา หาก “ฮุน เซน” ยังวางยุทธศาสตร์รบระยะยาวกับไทย ปลุกกระแสรักชาติ เรียกเรตติ้งเสริมแกร่ง “ฮุน มาเนต” นายกฯกัมพูชา และเครือข่ายตระกูลฮุน ให้กุมอำนาจในประเทศอยู่ต่อไป
ดังนั้น ละครบทเดิม กรณีการสู้รบปี 2554 เป็นเหตุให้ไทยเสียปราสาทพระวิหาร ปูทาง“ฮุน มาเนต” ให้เป็นที่ยอมรับและเชื่อมั่นจนได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ มาถึงทุกวันนี้ ก็ยังคงเดินหน้าต่อ
หลังยังไม่ประสบความสำเร็จในการลากไทยขึ้นศาลโลก เพื่อชี้ว่า ปราสาทตาเมือน ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนโต๊ด และพื้นที่ช่องบก เป็นของฝ่ายใด เผลอๆ ลากยาวไปถึงขุมทรัพย์น้ำมันใต้ทะเล พื้นที่เกาะกูด จ.ตราด
อาจส่งผลให้ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังต้องระทึกกันต่อ หากการรบกับไทยสามารถค้ำยันเก้าอี้นายกฯ ฮุน มาเนต ให้มั่นคงไปจนถึงการเลือกตั้งใหญ่ เพื่อให้หวนกลับมาบริหารประเทศอีกสมัยในปี 2571
หันกลับมาที่ด้ามขวานไทย สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดประเทศมาเลเซีย ต้องยอมรับว่าคนไทยกังขาถึงความเป็นกลางของ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกฯ มาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ที่อาสาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา เหมือนตาชั่งเอียงข้าง
ในขณะที่สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยังไม่สงบ มีการสร้างสถานการณ์ ก่อเหตุรุนแรง ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนต่อเนื่อง
เหตุคนร้ายประมาณ 20 คน ปล้นทอง สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อ 5 ต.ค.2568 มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท ตำรวจได้ออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องสงสัยได้บางส่วน ขณะที่บางส่วนขนทองข้ามไปประเทศมาเลเซีย
โดยเจ้าหน้าที่ไทยประสบปัญหาเรื่องบุคคล 2 สัญชาติ และก่อนหน้านี้ เคยส่งรายชื่อบุคคลต้องสงสัย การก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสานไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อขอตัว แต่ไร้ความคืบหน้า
สำหรับ “อันวาร์ อิบราฮิม” ดำรงตำแหน่งนายกฯ มาเลเซีย เมื่อ 24 พ.ย.2565 หากไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง คาดว่ามาเลเซียจะมีการเลือกตั้งใหม่ในปี 2570
จึงมีความเป็นไปได้ว่า สถานการณ์“ไฟใต้” อาจมีจุดเปลี่ยน ขึ้นอยู่กับว่าจะดีขึ้น คงสภาพ หรือแย่ลง
ดังนั้น ประเทศไทยยังต้องเตรียมความพร้อม รับมือปัญหาชายแดนรอบทิศ ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้ชายแดนทุกด้านปะทุขึ้นมาพร้อมกัน







