ปลุกผี 'สามมิตร' จับตา 'อนุชา' ผนึก '2 ส.' ปรองดองน้ำเงิน

ชัยนาทโมเดล “อนุชา” ปรองดองบ้านใหญ่ “สงฆ์ประชา” แบ่งกันคนละครึ่งจังหวัด อ่านขาดสมัยหน้า รัฐบาลผสมน้ำเงิน-แดง

ชื่อ “อนุชา นาคาศัย” สส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ กลับมาอยู่ในหน้าสื่อทุกแพลตฟอร์มอีกครั้งกับปรากฏการณ์ “สนามแตก” เมื่อ “โรงเรียน อบจ.ชัยนาท” เอาชนะ “โรงเรียนหมอนทองวิทยา” คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนชิงถ้วย 7 สีคัพ

“เสี่ยแฮงก์” อนุชา นาคาศัย ในฐานะผู้ทุ่มทุนสร้างอคาเดมี่ลูกหนังเยาวชนโรงเรียน อบจ.ชัยนาท หรือ “นกใหญ่พิฆาตจูเนียร์” ย่อมได้รับคำยกย่องชมเชยเป็นธรรมดา

ในมุมการเมือง ปลายสัปดาห์ที่แล้ว มีภาพ “เสี่ยแฮงก์” นั่งร่วมโต๊ะกับแกนนำพรรคเพื่อไทยอาทิ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, ภูมิธรรม เวชยชัย, วิสุทธิ์ ไชยณรุณ และสมศักดิ์ เทพสุทิน

ภาพดังกล่าวนี้ หลายคนคงนึกถึงช่วงต้นเดือน ต.ค.2568 อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ดูสถานการณ์น้ำที่ จ.ชัยนาท ได้หยอดคำหวานถึง “เสี่ยแฮงก์” ที่มาให้การต้อนรับว่า “นอกจากภรรยาผมแล้ว ผมก็รักพี่แฮงก์เนี่ยเป็นที่ 2”

อย่างไรก็ตาม ชั่วโมงนี้ อนุชา นาคาศัย ตัดสินใจลงสมัคร สส.ชัยนาท สมัยหน้าในนามพรรคเพื่อไทย และไม่ได้มีปัญหากับตระกูล “สงฆ์ประชา” ที่สังกัด พรรคภูมิใจไทย

สมัยที่แล้ว “เสี่ยแฮงก์” กับ “มณเฑียร สงฆ์ประชา” ใช้โมเดลชัยนาทคนละครึ่งคือ เขต 1 (อ.เมือง อ.สรรพยา) ตระกูลนาคาศัย และเขต 2 (อ.หันคา) ตระกูลสงฆ์ประชา ซึ่งสมัยหน้าก็คงเป็นเช่นนี้ เพียงแต่ “นาคาศัย” ย้ายไปอยู่ค่ายแดง และ “สงฆ์ประชา” ยังอยู่ค่ายน้ำเงิน

สามมิตรรีเทิร์น

ถ้าจำกันได้ ช่วงปลายรัฐบาลประยุทธ์ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” และ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ตัดสินใจหวนคืนพรรคเพื่อไทย แต่ อนุชา นาคาศัย มี

สัญญาใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในภารกิจสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงต้องแยกทางกับสมศักดิ์ เป็นการชั่วคราว

สไตล์การเล่นการเมืองแบบ “พวก” เหนือพรรค มิได้ทำให้สายสัมพันธ์ของ “เสี่ยแฮงก์” กับ “2 ส.” สะดุดหยุดลง 

สมัยรัฐบาลเศรษฐา 1 สมศักดิ์ เทพสุทิน อุ้มพระเข้าห้องทำงานรองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล “เสี่ยแฮงก์” ก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วย 

เวลานั้น อนุชา นาคาศัย ทำตัวเงียบๆไม่ออกอาการต่อรองในพรรค รทสช. ก็เข้าป้ายได้ตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ 

ดังที่ทราบกัน อนุชา นาคาศัย สมัยเป็น สส.ชัยนาท พรรคไทยรักไทย ได้ชื่อว่าเป็นแม่บ้านกลุ่มวังน้ำยม ซึ่งสมัยนั้น มี สส.อยู่ในซุ้มมากกว่า 80 คน แต่เสี่ยแฮงก์ก็ดูแลอย่างอบอุ่น

กลางปี 2561 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และสมศักดิ์ เทพสุทิน จัดตั้ง “กลุ่มสามมิตร” ก็ชักชวนเสี่ยแฮงก์มาร่วมงานด้วย ในภารกิจที่ได้รับโจทย์มาจาก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมัยที่เป็นรองนายกฯ รัฐบาลประยุทธ์

“สุริยะ-สมศักดิ์” ไปกวาดต้อนอดีต สส.อีสาน เหนือ และภาคกลาง มาลงสมัคร สส. สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ประมาณ 60 คน แต่ผู้สมัคร สส.กลุ่มสามมิตร ได้เข้าสภาฯ ไม่ถึง 20 คน จึงมีการระดม สส.เข้ามาเสริมในช่วงหลัง

ช่วงการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ทักษิณ ชินวัตร ให้ความสำคัญกับสุริยะในฐานะผู้ดูแล “ทรัพยากร” ปรากฏว่า “2 ส.” ทำได้เข้าเป้า จึงถูกวางตัวเป็นรัฐมนตรีคมนาคม 

บ้านใหม่สรรพยา

20 ปีที่ผ่านมา การเมืองชัยนาทผูกขาดโดย 2 ตระกูลดังคือ นาคาศัย และสงฆ์ประชา ซึ่งแบ่งพื้นที่กันละเขตในการเมืองระดับชาติ แต่เป็นพันธมิตรกันในการเมืองท้องถิ่น 

ปัจจุบัน “เสี่ยแดง” มณเฑียร เป็น สส.ชัยนาท เขต 2 ส่วนน้องสาว “มันแกว” นันทนา เป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย

ต้นตระกูลของอนุชา นาคาศัย ไม่ใช่บ้านใหญ่ชัยนาท ต่างจากตระกูลสงฆ์ประชา เนื่องจาก “เจ้าพ่อหันคา” บุญธง สงฆ์ประชา เป็น สส.ชัยนาท มาตั้งแต่ปี 2522  

เสี่ยแฮงก์เป็นลูกพ่อค้าแม่ค้า แห่งตลาดโพนางดำตก ต.โพนางดำตก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เมื่อเรียนจบทนายความ จึงไปทำงานกับสมศักดิ์ เทพสุทิน ตั้งแต่สมัยอยู่พรรคกิจสังคม

ยุคพรรคไทยรักไทย ในฐานะมือขวาของสมศักดิ์ เสี่ยแฮงก์ตัดสินใจลงสนามการเมืองที่บ้านเกิด โค่นแชมป์เก่า ชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง อดีต สส.ชัยนาท

ปี 2547 เสี่ยแฮงก์ส่งน้องชาย อนุสรณ์ นาคาศัย ชิงตำแหน่งนายก อบจ.ชัยนาท และได้นั่งเก้าอี้นายก อบจ.ชัยนาท ติดต่อกัน 3 สมัย

หลังยึด อบจ.ชัยนาทได้ เสี่ยแฮงค์ ปั้นสโมสรฟุตบอลชัยนาท ฮอร์นบิล ฉายา “นกใหญ่พิฆาต” และเปิดอดาเดมี่ฝึกนักเตะเยาวชนในนาม โรงเรียน อบจ.ชัยนาท 

ปี 2565 เสี่ยแฮงก์ ให้พี่สาว “จิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภา” นั่งประธานสโมสรฟุตบอลชัยนาท ฮอร์นบิล ปูทางสร้างชื่อเสียง สะสมบารมีในหมู่คนชัยนาท ก่อนจะส่งลงสนามนายก อบจ.

กลางปี 2567 อนุสรณ์ นาคาศัย ลาออกจากนายก อบจ.ชัยนาท ก่อนครบวาระ เพื่อชิงความได้เปรียบคู่แข่ง และ “เจ๊ต้อย” จิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภา ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.ตามแผนของน้องชาย

ชัยชนะของโรงเรียน อบจ.ชัยนาท ในศึกลูกหนังนักเรียนนัดหยุดโลก สร้างชื่อเสียงให้ “นายกต้อย” จิตร์ธนา และ “เสี่ยแฮงก์” อนุชา เรียกว่า ตุนแต้มตุนคะแนนได้มากทีเดียว

สมรภูมิชัยนาท ไม่ใช่เรื่องหนักอกของอนุชา ยังไงก็ได้เป็น สส.อีกสมัย แต่การฟื้นฟู “กลุ่มสามมิตร” ให้มีพลังเหมือนสมัยพรรคพลังประชารัฐ ยังเป็นโจทย์การเมืองที่ท้าทาย

เนื่องจากเรตติ้งของเพื่อไทยตกต่ำลง เฉพาะพื้นที่ภาคกลางจากการสำรวจของนิด้าโพล ปรากฏว่า พรรคสีแดงมีคะแนนนิยมตามหลังพรรคสีฟ้า

การกลับมารวมตัวกันของ “สุริยะ สมศักดิ์ อนุชา” ในยามนี้ ก็เหมือนคำคมของคนในบู๊ลิ้มที่ว่า “มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน” เพราะสถานการณ์เพื่อไทย พ.ศ.นี้ พูดได้คำเดียวว่า เหนื่อยกว่าที่คาด ยากกว่าที่คิด