อย่าไว้ใจทาง... อย่าเพิ่งวางใจเขมร

อย่าไว้ใจทาง...  อย่าเพิ่งวางใจเขมร

ปัญหา"ไทย-กัมพูชา" ยังวางใจไม่ได้จริงๆ เพราะกัมพูชาเปลี่ยนเกมตลอด และมีความพลิกผันไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปสูงมาก

แม้สถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา จะเริ่มดูดีขึ้นเป็นลำดับ ตั้งแต่การประชุม JBC ประชุม GBC ที่กัมพูชาเริ่มมีท่าทีผ่อนปรนมากขึ้น

และล่าสุดคือการไปร่วมลงนามในคำแถลงปฏิญญาร่วมกันระหว่างผู้นำสองประเทศ เพื่อเดินหน้าสู่สันติภาพ โดยมี ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสักขีพยาน ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่มาเลเซีย

แต่ต้องบอกตามตรง จากประสบการณ์ตรงว่า ปัญหาไทย-กัมพูชา ยังวางใจไม่ได้จริงๆ เพราะกัมพูชาเปลี่ยนเกมตลอด และมีความพลิกผันไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปสูงมาก พวกเขาเปลี่ยนข้อตกลงแบบ “หักดิบ” ได้โดยไม่แคร์ใดๆ และออกข่าวเข้าข้างเข้าทางตัวเองได้ในทันที

ต้องแยกแยะท่าทีกัมพูชาที่ผ่านมา เป็น 2 เลเยอร์ หรือ 2 บริบท

บริบทแรก การสร้างภาพเป็น“เด็กดี”ในเวทีโลก และในสายตามหาอำนาจ จุดนี้อาจกดดันให้กัมพูชาจำเป็นต้องเล่นบท “ถอย” เพราะกำลังถูกจัดหนักเรื่องสแกมเมอร์ หากยังลีลาเยอะ อาจโดนแทรกแซงถึงขั้น “ล้มระบอบฮุน เซน” เหมือนที่ชาติตะวันตกทำได้ ผ่านการสร้างกระแสประท้วงไม่เอาผู้นำในหลายประเทศมาแล้ว

บริบทที่สอง เจตจำนงในการรักษาฐานอำนาจ คะแนนนิยมจากชาวกัมพูชา ด้วยการแสดงศักยภาพเหนือประเทศไทย ยังคงเป็นแผนการที่ผู้มีอำนาจในกัมพูชาจำเป็นต้องเดินหน้า เพราะมิฉะนั้นจะยิ่งสูญเสียคะแนนนิยม และสุดท้ายจะไปกระทบกับบริบทแรก คือเวทีนานาชาติ หากผู้นำอ่อนแอ ก็เสี่ยงล้มได้ทุกเวลา

อย่าไว้ใจทาง...  อย่าเพิ่งวางใจเขมร

สาเหตุที่ผมต้องกระตุ้นเตือนเรื่องนี้ และเชื่อว่าหลายๆ คนก็เป็นห่วงว่า เราอย่าเพิ่งดีใจไป ก็เพราะผมเพิ่งไปร่วมรายงานข่าวการประชุมเวที IPU หรือ สมัชชาสหภาพรัฐสภา สมัยที่ 151 ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

แม้ในห้วงเวลาระหว่างการประชุม คือ 19-23 ต.ค.2568 สถานการณ์ไทย-กัมพูชาจะคลี่คลายลงบ้างในบางมิติ แต่ในวงประชุม IPU กลับมีความปั่นป่วนที่เกิดจากกัมพูชาแบบไม่จบสิ้น

การประชุม IPU หนนี้ ไทยตัดสินใจเสนอ “ร่างข้อมติว่าด้วยการจัดการปัญหาสแกมเมอร์และอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติ” เป็น ”ระเบียบวาระเร่งด่วน“ หรือ Emergency item ของ IPU ซึ่งการที่ IPU จะรับรองให้เป็ฯ “ระเบียบวาระเร่งด่วน” ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 จากชาติสมาชิก 181 ประเทศ

ผู้แทนรัฐสภากัมพูชาเปิดตัวในการประชุมวันแรก (19 ต.ค.) เป็นการประชุมนอกรอบกลุ่มอาเซียนบวก 3 และกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก ไม่คัดค้านร่างข้อมติเรื่องสแกมเมอร์ที่ไทยเสนอ (เล่นบทเด็กดี) แต่เมื่อถึงเวลาโหวตจริง (22 ต.ค.) กลับหายหน้า ไม่เข้าร่วมประชุม แถมไม่โหวตสนับสนุน

จีนในฐานะยักษ์ใหญ่ ชาติมหาอำนาจ ก็ดูจะไม่ค่อยปลื้ม“ร่างข้อมติ”ที่ไทยเสนอ

แต่ผู้แทนรัฐสภาของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะกัมพูชา ออกตัวล่วงหน้าว่า หากร่างข้อมตินี้ได้รับเลือกเป็น Emergency item จะเสนอตัวร่วมเป็นกรรมาธิการด้วย

เมื่อร่างข้อมติเรื่องสแกมเมอร์ชนะโหวตจริงๆ โดยไทยเป็นฝ่ายเดินเกมล็อบบี้ผู้แทนรัฐสภาจากชาติต่างๆ อย่างหนัก จนได้คะแนนสนับสนุนถึง 850 คะแนน เกิน 2 ใน 3 ปรากฏว่ากัมพูชาก็เดินตามเกมที่วางไว้ทันที ด้วยการ“เชิดจีน-ดันตัวเอง” และ“เขี่ยไทยให้พ้นทาง”

โดยในขั้นตอนตั้งคณะกรรมาธิการ จำนวน 11 คน เพื่อไปจัดทำร่างข้อมติให้สมบูรณ์ ก่อนส่งให้ที่ประชุมใหญ่ IPU รับรอง และส่งข้อมติทางการให้รัฐสภาทั่วโลกนำไปบังคับใช้ ตามขั้นตอนจะให้กลุ่มภูมิภาคต่างๆ ใน IPU ซึ่งมี 6 ภูมิภาค ส่งชื่อกรรมาธิการได้กลุ่มละไม่เกิน 2 คน

ปรากฏว่ากัมพูชาซึ่งไม่ได้ร่วมโหวต และไม่ใช่เจ้าของร่างข้อมติ กลับเสนอตัวเองเข้าเป็นกรรมาธิการ พร้อมกับผู้แทนจากรัฐสภาจีน โดยทั้งกัมพูชา จีน และไทยอยู่ในกลุ่มภูมิภาคเดียวกัน คือ กลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APG

จากการพยายามเดินเกมดังกล่าวของกัมพูชา ทำให้กลุ่ม APG เสนอถึง 3 ชื่อ ผู้แทนจากกัมพูชา จีน และไทยในฐานะเจ้าของร่างข้อมติ

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้จำนวนคนที่เสนอ เกินกว่าที่ทาง IPU กำหนด ทำให้กัมพูชารีบชิงสรุปให้จีนเป็นหัวหน้า และตัวเองเป็นรอง ส่วนไทยให้เป็นแค่"ที่ปรึกษา" ซึ่งจะไม่มีสิทธิโหวตลงคะแนน เท่ากับไม่นับเป็น 1 เสียง

หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ก็เท่ากับไทย “ถูกแฮ็กผลงาน” โดยฝ่ายกัมพูชาใช้วิธีเหมือน “สแกมเมอร์” คือเล่นเกมลวงอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เหมือน "นายร้อยปอยเปต"

เป้าหมายของกัมพูชา ก็เพื่อเข้าไป “ยำร่างข้อมติว่าด้วยสแกมเมอร์” ไม่ให้เข้าตัวเอง เพราะประเทศของตนถูกกล่าวหาเป็นศูนย์กลางสแกมเมอร์โลก และโดนยึดทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมโดนกดดันจากนานาประเทศ

  แต่สุดท้ายไทยไม่ยอม และได้ทำความเข้าใจกับกรรมาธิการจากทุกภูมิภาค กระทั่งประธาน คือ เม็กซิโก ยื่นมือมาช่วยคลี่คลายปัญหา โดยชี้ขาดว่า ไม่สามารถให้ไทยเป็น“ที่ปรึกษา” ได้ เพราะเป็นเจ้าของร่างข้อมติ และกรรมาธิการที่มาจากกลุ่มภูมิภาคอื่นๆ ก็พากันเห็นด้วย

สุดท้ายกว่าจะเคลียร์กันลงตัว ก็เล่นเอาเหนื่อย และทำให้เห็น“ลีลาเขมร”  ที่ไม่ยอมปล่อยผ่านทุกเรื่อง เอาเปรียบไทยทุกเม็ด โดยไม่สนใจกฎกติกา เรียกว่าใช้วิธีสแกมก็เอา!

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ผู้แทนรัฐสภากัมพูชาได้บุกเข้าพบ นายมาร์ติน จุนกอง เลขาธิการสหภาพรัฐสภา หรือเลขาธิการ IPU เพื่อขอให้ช่วยนัดหารือทวิภาคีกับไทย เกี่ยวกับข้อพิพาทไทย-กัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาไม่พอใจการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนไทยจากเวที IPU ซึ่งกัมพูชามองว่าเป็นลบกับฝ่ายตน

อย่างไรก็ดี การพบปะหารือแบบทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชาระหว่างการประชุม IPU ไม่เกิดขึ้นจริง แม้เลขาธิการมาร์ตินจะประสานกับฝ่ายไทยเรียบร้อยแล้วก็ตาม เพราะสุดท้ายกัมพูชาขอเลื่อนการประชุมออกไปเอง อย่างไม่มีกำหนด และไม่มีการนัดหมายมาใหม่อีกเลย กระทั่งการประชุม IPU ปิดฉากลงไป

เป็นที่น่าสังเกตว่า นายมาร์ติน จุนกอง เลขาธิการ IPU เพิ่งตอบรับคำเชิญจาก ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อเข้าร่วมเป็นวิทยากรสำคัญ หรือ Keynote ในการประชุม KPI Congress 2025 ซึ่งหมายถึง “การประชุมวิชาการของสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 27” ในหัวข้อ “ประชาธิปไตยและการทูตสิ่งแวดล้อม : แพลตฟอร์มสำหรับประเทศไทยในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง” ในวันที่ 7 พ.ย.

โดย ดร.อิสระ บอกว่า นายมาร์ติน เลขาธิการ IPU จะเดินทางมาร่วมปาฐกถาด้วยตัวเองอย่างแน่นอน

จากความเคลื่อนไหวนี้ ทำให้มีการวิเคราะห์ว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ฝ่ายกัมพูชาทราบกำหนดการของนายมาร์ติน จึงพยายามเข้าพบระหว่างการประชุม IPU เพื่อใส่ข้อมูลอีกด้านหนึ่งเกี่ยวกับประเทศไทย ก่อนที่นายมาร์ตินจะเดินทางมาไทย เพื่อร่วมเวที KPI Congress

จ้งหวะก้าวของกัมพูชานับว่าน่าสนใจ เนื่องจากวันที่ 2-6 พ.ย.2568 ที่จะถึงนี้ ประธานรัฐสภาไทย ในฐานะประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า พร้อมด้วย ดร.อิสระ เลขาธิการสถาบันฯ มีกำหนดการเดินทางเยือนประเทศฮังการี เพื่อเข้าพบประธานรัฐสภา รองนายกรัฐมนตรี

และมีกำหนดการที่น่าสนใจ คือ การไปเยือน “สถาบันดานูบ” หรือ Dabube Institute ซึ่งจะมีการนำเสนอรายงานจากผู้วิจัยด้าน“ภูมิรัฐศาสตร์ของฮังการี และความสัมพันธ์กับเอเชีย”ด้วย ซึ่งสะท้อนว่า ฮังการีสนใจเกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ต่างๆ ของโลก รวมถึงบทบาทของชาติมหาอำนาจ ซึ่งอาจมีเนื้อหาบางส่วน ต้องพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับข้อพิพาทไทย-กัมพูชาด้วยก็เป็นได้

กำหนดการเยือนฮังการีของสถาบันพระปกเกล้า มีการวางแผนไว้ค่อนข้างนานแล้ว ไม่น้อยกว่า 6 เดือน แต่ปรากฏว่าล่าสุด ในช่วงท้ายของการประชุม IPU มีข่าวว่าทางกัมพูชาได้ประสานขอไปเยือนฮังการี โดยวางกำหนดการก่อนคณะของไทยเดินทางไปเยือน 1 วัน

คาดว่าคณะของกัมพูชาที่ไปเยือน อาจจะเป็นคณะผู้แทนรัฐสภาคณะเดียวกับที่ไปร่วมประชุม IPU ก็เป็นได้

กัมพูชาไปเยือนฮังการีตัดหน้าไทยเพื่ออะไร คงไม่ต้องเดาให้ยาก และนี่คือ “ลีลาเขมร” ที่นำมาเล่าไว้เป็นอุทาหรณ์

อย่าไว้ใจทาง...อย่าวางใจเพื่อนบ้าน ณ แนวรบฝั่งตะวันออก!