ผบ.ทบ.ปรับทัพดับ‘ไฟใต้’ ‘ปล้นทอง’วัดฝีมือ มทภ.4

"พล.อ.พนา" หวังคลี่คลายปัญหาจไฟใต้ให้ได้ในห้วงเวลา 2 ปีที่เหลืออยู่ใน เก้าอี้ ผบ.ทบ. โดยเปลี่ยนตัว มทภ.4 จะเปฺ็นทางออก หรือทางตัน เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
KEY
POINTS
- มทภ.4 คนใหม่ และกำลังทหาร 800 นายเข้าพื้นที่ จชต.เพียงไม่กี่วัน ได้เกิดเหตุอุกอาจ คนร้ายปล้นร้านทอง
- การสืบสวนระหว่างตำรวจและทหาร ในเบื้องต้นพบว่าเหตุปล้นทองวางแผนอย่างเป็นระบบ
จับตายุทธศาสตร์ แก้ปัญหาไฟใต้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ในการเซตทีมใหม่ ด้วยการส่งคนนอกพื้นที่ ซึ่งเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 26 (ตท.26) “พล.ท.นรธิป โพยนอก” เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 (มทภ.4)
ทั้งนี้ “พล.ท.นรธิป” เคยปฏิบัติราชการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.) ในห้วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 1 ปี ในตำแหน่งฝ่ายเสธ. ฉก.ปัตตานี แต่ไม่เคยเป็นผู้บังคับหน่วยคุมกำลัง เหมือนเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 อีกคน อย่าง “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีต มทภ.2 เคยเป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 22 อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ปี 2555- 2557
พร้อมกันนี้ พล.อ.พนา ยังได้ปรับใช้แนวทางการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของผู้บังคับบัญชาในอดีต ในจัดส่งกำลังทุกกองทัพภาคปฏิบัติหน้าที่ 3 จชต.หลังทยอยถอนกำลังออกไป และมีการใช้กำลังอาสาสมัคร(อส.)มาทดแทน แต่ไม่สามารถกุมสภาพพื้นที่ได้
โดยรอบนี้ จึงเลือกใช้กำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) เท่านั้น
เมื่อ 3 ต.ค.2568 พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 เพิ่งทำพิธีส่งกำลังพลไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ “หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส” ประจำปีงบประมาณ 2569 เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคง รักษาความสงบเรียบร้อย และสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
โดยมี พล.ต.ยอดอาวุธ พึ่งพักตร์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ดำรงตำแหน่งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส นำกำลังพลจำนวนกว่า 800 นาย จากกองพลทหารราบที่ 11 กองพลทหารราบที่ 9 และมณฑลทหารบกที่ 11 เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่
สำหรับ พล.ต.ยอดอาวุธ เคยลงมาอยู่ชายแดนใต้เมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ในช่วงที่มีเหตุการณ์ปล้นปืนเกิดขึ้น หลังปี 2547 ในยุคที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก ทำหน้าที่เป็น ผบ.ฉก.ยะลา 14
พลันที่ มทภ.4 คนใหม่ และกำลังทหาร 800 นายเข้าพื้นที่ จชต.เพียงไม่กี่วัน ได้เกิดเหตุอุกอาจ คนร้ายปล้นร้านทองในห้างสรรพสินค้า อ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส กวาดทองไปได้มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท จากนั้นใช้ทางเส้นสากอ-แว้ง ข้ามช่องทางธรรมชาติไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
จากข้อมูลจากการสืบสวนระหว่างตำรวจและทหาร ในเบื้องต้นพบว่ามีการวางแผนอย่างเป็นระบบ แบ่งหน้าที่เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปล้นรถยนต์กระบะชาวบ้าน 2 คัน (ประมาณ 5 คน) กลุ่มบุกปล้นร้านทองในห้าง (ประมาณ 10 คน) และกลุ่มวางระเบิดสร้างสถานการณ์ (ประมาณ 5 คน) รวมทั้งหมด คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 20 คน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจพบเหตุระเบิด 2 จุด ระหว่างการหลบหนีของคนร้าย ได้แก่
จุดที่ 1 เสาไฟฟ้าริมถนนสายสุไหงโก-ลก -สุไหงปาดี หมู่ 5 บ้านโคกสยา ต.ปะลุรู ห่างจากห้างประมาณ 4 -5 กม.
จุดที่ 2 ซอยชุมชนโต๊ะลือเบ ซอย 6 ห่างจากห้างประมาณ 1 กิโลเมตร(กม.) รวมถึงมีรถชาวบ้านหลายคันได้รับความเสียหายจากตะปูเรือใบที่ถูกโปรยไว้บนถนน ใกล้ห้างสรรพสินค้า ประมาณ 300 เมตร
ต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถกระบะต้องสงสัย 2 คันที่ใช้ก่อเหตุ 2 คัน คือ รถโตโยต้า วีโก้ ทะเบียนปัตตานี รถกกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ ทะเบียนนราธิวาส ถูกทิ้งไว้ในสวนปาล์ม บ้านตอออ หมู่ 1 ต.กายูคละ อ.แว้ง จ.นราธิวาส
ท่ามกลางการตั้งข้อสังเกต หลายประเด็นถูกผูกโยงทั้งเรื่องความขัดแย้งภายในกองทัพ การเปลี่ยนตัว มทภ.4 เจ้าหน้าที่เกียร์ว่าง และช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่าน ทำให้เกิดช่องว่างคนร้ายอาศัยจังหวะก่อเหตุ
แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง ชี้ว่า ปฏิบัติการที่เกิดขึ้น ทำกันเป็นกระบวนการ และวางแผนมานานพอสมควร ทั้งการจัดหาอาวุธ ยานพาหนะ ดูทางหนีทีไล่ ซึ่งอาจจะมาดูพื้นที่หลายรอบแล้ว และที่สําคัญอาจมีคนในให้ความร่วมมือ เช่น คนในห้างทอง หรือห้างสรรพสินค้า ที่รู้เรื่องเหล่านี้ดี เป็นคนให้ข้อมูล
จังหวะปฏิบัติการ ต้องดูทีมในพื้นที่ ที่เฝ้าอยู่ และอาจจะรู้ความเคลื่อนไหวบ้าง เพราะมีการใช้คนจำนวนมากพอสมควร แต่รถที่ใช้ก่อเหตุ เป็นการไปขโมยมาแบบฉุกละหุก อาจมองได้ว่า เป็นเทคนิคเบี่ยงเบนประเด็น และเมื่อปฏิบัติการเสร็จแล้ว ต้องมีสถานที่เก็บสิ่งของ ต้องจ่ายค่าเปิดประตูหนีข้ามแดน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า มีคนในรู้เห็น
แหล่งข่าวความมั่นคง ตั้งข้อสังเกตถึงการใช้ระเบิด ว่า ต้องเป็นคนที่อยู่ในกองกำลัง เพราะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ซึ่งอาจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐก็ได้ เพราะดูจากวิธีการ และการดําเนินการ คล้ายคลึงเจ้าหน้าที่รัฐ สามารถเชื่อมโยงได้ว่า คนร้ายอาจอาศัยจังหวะเปลี่ยนผ่าน หรือเปลี่ยนทีมมาเป็นประโยชน์หรือไม่
ที่สำคัญ มีเครือข่าย หรือกลุ่มสนับสนุนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกขบวนการอยู่ส่วนหนึ่ง และวิธีการปล้นที่อุกอาจ ทําให้มองได้ว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง เนื่องจากขบวนการก่อการร้าย จะไม่ทําเช่นนี้ เพราะจะเสียมวลชนเช่นกัน
“ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถ ในการวางแผน รู้สายสนกลใน ซึ่งปกติแล้ว ห้างสรรพสินค้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ด้วย จะเห็นได้ว่า มีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธและยุทธวิธีการต่อสู้กับ ส.อ.บุริศวร์ ระดาชัย นายสิบอาวุธเบาชุดรบพิเศษที่ 408”
ส่วนประเด็นการเปลี่ยนตัว และดึงคนนอกพื้นที่เป็น มทภ.4 นั้น แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง ระบุว่า "เป็นการท้าทายคนที่มารับตำแหน่งใหม่ คือ มทภ.4 ว่าจะมีความสามารถติดตามจับกุมได้หรือไม่ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันมหาศาล และอาจเลยไปถึงตัว ผบ.ทบ."
ส่วนจะเป็นการดิสเครดิตกันหรือไม่นั้น ต้องจับคนก่อเหตุให้ได้ก่อน แต่เชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้ น่ามีส่วน และแทบจะเป็นเหตุผลหลัก
ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม เชื่อว่า ไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนตัว มทภ.4 และควรให้เวลาทำงานเพิ่งไปรับหน้าที่ได้เพียง 7 วัน และทหารทุกคนรู้หน้าที่ ไม่ใส่เกียร์ว่าง และในเร็ววันนี้ ตนและ ผบ.ทบ.เตรียมลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์
“จากที่ได้รับรายงานมา ยังไม่ถึงขนาดมีเจ้าหน้าที่รู้เห็น แต่ก็ยังต้องดูกันต่อไป ซึ่งทราบจากการรายงานว่า เป็นการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการ BRN เข้ามาปฏิบัติการ และหนีกลับไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อติดตามผู้ก่อเหตุ และนําของกลางกลับคืนมา” รมว.กลาโหม กล่าว
ทั้งนี้ หากกระแสข่าวการเปลี่ยนตัว มทภ.4 เกิดขึ้นต้นปีที่ผ่านมา หลังไม่สามารถควบคุมสภาพพื้นที่ได้ ผู้ก่อความไม่สงบพุ่งเป้าหมายอ่อนแอ ทำร้ายคนไทยพุทธ อาทิ พระภิกษุ สามเณร ผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการ บาดเจ็บ เสียชีวิตหลายราย
ขณะนั้น พล.อ.พนา ต้องการปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติ ขันน็อตการทำงานใหม่ โดยเฉพาะปัญหางานด้านการข่าว แต่ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร จนเป็นที่มาคำพูดที่ว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนไทยพุทธ มทภ.4 หมดความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่ง"
จึงเริ่มมีการเฟ้นหาคนเข้ามาดำรงตำแหน่ง มทภ.4 คนใหม่ โดยวางเป้าไว้ว่า ต้องไม่ใช่คนในพื้นที่ เพราะห่วงจะเกิดปัญหาการบังคับบัญชา สั่งการไม่ได้ จึงปรากฏชื่อ พล.ต.นรธิป โพยนอก รอง มทภ.2 มาเป็น มทภ.4
ด้วยความตั้งใจที่ พล.อ.พนา หวังคลี่คลายปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ในห้วงเวลา 2 ปีที่เหลืออยู่ใน เก้าอี้ ผบ.ทบ. การปรับทัพดับไฟใต้ โดยเปลี่ยนตัว มทภ.4 จะเปฺ็นทางออก หรือทางตัน เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม







