ปรากฏการณ์ ‘บุญสิน’ ปลุก Gen Z ขยี้ ‘พรรคสีส้ม’

ปรากฏการณ์ ‘บุญสิน’ ปลุก Gen Z ขยี้ ‘พรรคสีส้ม’

ปรากฏการณ์ “แม่ทัพบุญสิน” เหมือนย้อนอดีตวีรบุรุษนักสู้อีสานในนาม “ผีบุญ” ศาสดาของผู้ถูกกดขี่ เพียงแต่ต่างยุคต่างสมัย

KEY

POINTS

  • คำประกาศกร้าวของ พล.อ.บุญสิน ก่อนสงคราม 5 วันที่ว่า “แผ่นดินกูอยู่ตรงนี้มานานแล้ว ถ้าจะเอาก็ดวลกันก็จบ ไม่เห็นจะยากอะไร” คนไทยฟังแล้วโดน 

  • ประโยคคำพูดที่โบราณๆ ในทัศนะของนักวิชาการหัวก้าวหน้า กลับมีเสียงตอบรับจาก Gen Z และ Gen Alpha อย่างน่าทึ่ง

  • ปรากฏการณ์แม่ทัพบุญสิน ได้ช่วงชิงโหวตเตอร์ ทั้ง Gen X และ Gen Z ออกจากพรรคสีส้มไปเป็นจำนวนมาก รวมถึง “คนเสื้อเหลือง” ที่อกหักจากลุงตู่ แล้วมากากบาทคะแนนเลือกพรรคก้าวไกลเมื่อปี 2566 ก็วิ่งไปตามแห่แม่ทัพกุ้งทันที

  • กระแสชาตินิยมในกลุ่มนักเรียน นิสิตนักศึกษา ที่จุดติดโดยแม่ทัพบุญสิน ก็จะมีนักเลือกตั้งสายพันธุ์ “วัยรุ่นสร้างตัว” เข้ามาเก็บเกี่ยวดอกผลนี้ไป

“แม่ทัพบุญสิน” ผู้ชายสไตล์บ้านๆ จุดไฟชาตินิยมให้ลุกโชนกลางใจคนรุ่นวัย Gen Z พ่วงด้วย Gen Alpha ชนิดโลกตะลึง

ช่วงปี 2563-2564 ปรากฏการณ์ “สามนิ้ว” แพร่ระบาดอย่างน่าตกใจ ในกลุ่มรุ่นวัย Gen Z และ Gen Alpha และสถานการณ์แหลมคมยิ่งขึ้นเมื่อเกิดนักกิจกรรมหัวก้าวหน้าในนามกลุ่มราษฎร กลุ่มทะลุวัง กลุ่มทะลุแก๊ส กลุ่มดาวดิน ฯลฯ 

ปรากฏการณ์การแสดงออกทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ ได้ทำให้ “พรรคก้าวไกล” เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และชนะเลือกตั้งในปี 2566

ภาพการเมืองสีส้มเต็มแผ่นดิน ส่งผลให้ “ชนชั้นนำ” กุมขมับ และรู้สึกวิตกทุกข์ร้อน หวาดหวั่นกระแสคนรุ่นใหม่ จึงทำให้เกิด “ดีลลับข้ามขั้ว” ระหว่างทักษิณ และชนชั้นนำ

พลันที่มีวิกฤติการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปี 2568 มาพร้อม “ปรากฏการณ์บุญสิน” มีภาพ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินสายทอล์กโชว์รายวัน ตามสถานศึกษาทั่วประเทศ กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ขวัญใจวัยรุ่น

โค้งสุดท้ายก่อนจะถึงวันที่ 30 ก.ย.2568 กองทัพบกอนุมัติเครื่องบิน ทบ.ให้ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และ “เสธ.ต๊อด” พล.ต.วินธัย สุวารี และคณะโฆษก ทบ. เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ มีเป้าหมายอยู่ที่การปลูกฝัง “ความคิดรักชาติ” ให้นักเรียน และนักศึกษาตามสถาบันการศึกษาต่างๆ

ปรากฏการณ์ “แม่ทัพบุญสิน” สะท้อนกระแสคนรักชาติ ที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างน่าตกใจ และส่งผลให้ “กระแสสามนิ้ว” วูบหาย

อีกด้านหนึ่ง การตัดสินใจของ “ปูลิตบูโร” พรรคสีส้ม ที่โหวตหนุนอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ได้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่สมาชิกพรรคทั่วประเทศ และแนวร่วมนักวิชาการ “สามนิ้ว” ส่วนใหญ่โบกมือลาพรรคประชาชน

ดังนั้น ในเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภาฯ แกนนำพรรคสีส้มจะต้องเร่งกอบกู้วิกฤติศรัทธา ปมหนุน “เสี่ยหนู” นั่งนายกฯ

ช่วงปี 2552-2554 ไทย-กัมพูชา เกิดความขัดแย้งถึงขั้นสู้รบตามแนวชายแดนด้านอีสานใต้ แต่อารมณ์รักชาติรักแผ่นดิน มิได้เป็น “กระแสสูง” เหมือนทุกวันนี้

ความต่างน่าจะเกิดจากอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย ในยุคที่ “อินฟลูฯ” เต็มแผ่นดิน ใครก็ตั้งตัวเป็นสื่ออิสระได้ ผ่านหลายแพลตฟอร์ม จึงทำให้ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ถูกแห่แหนประหนึ่งศาสดา หรือวีรบุรุษของแผ่นดิน

ปรากฏการณ์บุญสิน สะท้อนของสังคมไทยที่กำลังโหยหาวีรบุรุษ ผู้ปกป้องอธิปไตย ขณะที่ฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาลแพทองธาร แสดงความอ่อนแอ และมีจุดยืนต่อสถานการณ์ชายแดนแบบคลุมเครือ

“แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน เป็นนายทหารลูกอีสานขนานแท้ ไม่ได้เป็นนักพูด แต่การแสดงออกถึงความรักชาติอย่างตรงไปตรงมา ซื่อใสไม่เสแสร้ง ได้กลายเป็นจุดขาย 

คำประกาศกร้าวของ พล.อ.บุญสิน ก่อนสงคราม 5 วันที่ว่า “แผ่นดินกูอยู่ตรงนี้มานานแล้ว ถ้าจะเอา ก็ดวลกัน ก็จบ ไม่เห็นจะยากอะไร” คนไทยฟังแล้วโดน 

ไม่น่าเชื่อประโยคคำพูดที่โบราณๆ ในทัศนะของนักวิชาการหัวก้าวหน้า กลับมีเสียงตอบรับจาก Gen Z และ Gen Alpha อย่างน่าทึ่ง

แม้ภาพรวมจากผลสำรวจนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)ในทุกภาคหนล่าสุด ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และพรรคประชาชน จะมีคะแนนนิยมนำโด่ง แต่กระแสชาตินิยม ก็ทำให้กองเชียร์สีส้มมีอาการลังเล ไม่กล้าสวนกระแสชาตินิยม

ดังนั้น ช่วงที่มีการสู้รบ แกนนำพรรคประชาชน และผู้นำคณะก้าวหน้า พยายามเสนอแนวคิด “ชาตินิยมแบบก้าวหน้า” เพื่อสะกิดเตือนใจผู้คนไม่ให้ไปหลงใหลได้ปลื้มกับ “ปรากฏการณ์แม่ทัพบุญสิน” จนมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นับแต่ “อนุทิน” เป็นนายกฯ พรรคประชาชนก็เป็นฝ่ายตั้งรับ โดยเจอ 2 กระแสพุ่งถล่มใส่ต่อเนื่อง

กระแสแรกคือ กรรมการบริหารพรรคสีส้ม ตัดสินใจหนุนพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งมีอุดมการณ์ต่างขั้วกันชัดเจน เรื่องนี้ สส.ในพื้นที่ยังตอบคำถามผู้สนับสนุนไม่ได้

กระแสที่สอง ปรากฏการณ์แม่ทัพบุญสิน ได้ช่วงชิงโหวตเตอร์ ทั้ง Gen X และ Gen Z ออกจากพรรคสีส้มไปเป็นจำนวนมาก

รวมถึง “คนเสื้อเหลือง” ที่อกหักจากลุงตู่ แล้วมากากบาทคะแนนเลือกพรรคก้าวไกลเมื่อปี 2566 ก็วิ่งไปตามแห่แม่ทัพกุ้งทันที

ว่ากันว่า กระแสชาตินิยมในกลุ่มนักเรียน นิสิตนักศึกษา ที่จุดติดโดยแม่ทัพบุญสิน ก็จะมีนักเลือกตั้งสายพันธุ์ “วัยรุ่นสร้างตัว” เข้ามาเก็บเกี่ยวดอกผลนี้ไป

เฉพาะสมรภูมิเลือกตั้งภาคอีสานสมัยหน้า พรรคประชาชน อาจจะไม่ผูกขาดคะแนนเสียงกลุ่มคนรุ่นใหม่เหมือนปี 2566 เนื่องจากคน Gen Z กำลังมีไอดอลเป็นก๊วนนักการเมืองวัยรุ่นสร้างตัว

ปัจจุบัน พรรคการเมืองขนาดกลาง กลายเป็นศูนย์รวมนักการเมืองประเภทวัยรุ่นสร้างตัว และมี “กองทัพศิลปิน” เพื่อดึงเสียงเยาวชนคนรุ่นใหม่อยู่ที่ จ.มหาสารคาม 

พรรคภูมิใจไทย อาจเก็บเกี่ยวกระแสแม่ทัพกุ้งไปได้บ้าง แต่คงไม่มากเท่ากับพรรคการเมืองใหม่

มิพักต้องพูดถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์แม่ทัพบุญสินมากที่สุด และอาจทำให้ สส.อีสานลดลงเหลือไม่ถึง 30 คน จากที่เคยเกินหลักร้อย

ปรากฏการณ์แม่ทัพบุญสิน ได้ผ่อนคลายความวิตกกังวลของ “ชนชั้นนำ” ต่อกระแสส้มทั้งแผ่นดินเมื่อ 2 ปีก่อนลงไปมากทีเดียว ใครเลยจะคิดว่า วันนี้ Gen Z และ Gen Alpha รักชาติรักแผ่นดินยิ่งกว่าคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์