โหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ บททดสอบประชาธิปไตย

โหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ บททดสอบประชาธิปไตย

เป็นอีกหนึ่งศุกร์ที่ไม่สุขกับการเมืองไทยเพราะวันนี้ (5 ก.ย.) สภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 

เพิ่มเติมในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 20 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ สถานการณ์เข้มข้นเมื่ออนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย คือตัวเลือกมาแรง ขณะที่พรรคเพื่อไทยยืนยันส่ง ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตคนสุดท้ายของพรรคลงแข่งด้วย 

สองพรรคแข่งกันแต่ศึกหนักดูเหมือนมาตกที่พรรคประชาชน ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีแคนดิเดตไปชิงกับเขา แต่ก่อนหน้านี้ถูกตั้งคำถามว่าจะโหวตให้อนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จริงหรือ ซึ่งณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคยืนยันว่า กระบวนการตัดสินใจของพรรคประชาชนได้สิ้นสุดลงตั้งแต่ตอนที่กรรมการบริหารพรรคได้แถลงข่าวและเซ็นข้อตกลงร่วม (MOA) กับพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว การโหวตนายกฯ วันนี้หากไม่ชะลอออกไปประเทศไทยคงได้เห็นหน้าผู้นำคนใหม่ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ในรอบสองปี นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ค.2566 

ณ เวลานี้ถือว่าระบอบประชาธิปไตยไทยกำลังถูกทดสอบอีกครั้ง หลายคนส่งเสียงครวญออกไปในทางไม่สบอารมณ์ถึงความวุ่นวายของระบบรัฐสภา ถวิลหาความสุขสงบยาวนาน 8-9 ปีก่อนหน้านี้ โดยลืมไปว่าความเงียบงันจากการรัฐประหารไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร มีแต่จะฉุดรั้งประเทศให้ถอยหลังจากประเทศที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคม ไม่แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังจะเป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเชียช่วงต้นทศวรรษ 1990 ต้องกลายมาเป็นประเทศไทยในวันนี้ที่ได้แต่มองตาปริบๆ เห็นเพื่อนบ้านแซงหน้าตลอดเวลา ล่าสุดต้องอิจฉาเวียดนามที่ก้าวหน้าพรวดๆ 

การเปลี่ยนนายกฯ บ่อยไม่สำคัญเท่ากับการยึดมั่นในกติกา การเมืองที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง เป็นไปตามกติกานั่นคือรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ความวุ่นวายเป็นแค่ภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ยอดมาเพียงน้อยนิด ลึกลงไปที่มองไม่เห็นนั้นมหึมา  พรรคการเมืองทุกพรรค นักการเมืองทุกคน โหวตเตอร์ทุกเสียงเมื่อตัดสินใจลงเล่นในกติกาตาม รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ก็ต้องไปให้สุด หากกติกาไม่ดีต้องแก้ไข อดทน ใจเย็น ให้เกมดำเนินไปจนจบ การไม่ถูกใจแล้วล้มกระดานต่างหากเล่าที่เป็นการเมืองแบบไร้วุฒิภาวะ หากคนไทยจำนวนหนึ่งยังชอบวิธีนี้ แล้วจะไปโทษใครได้เมื่อบ้านเมืองล้าหลัง