2 เดือน ขีดเส้นตาย ‘กัมพูชา’ ล้อมรั้ว ‘บ้านหนองจาน’

2 เดือน ขีดเส้นตาย ‘กัมพูชา’  ล้อมรั้ว ‘บ้านหนองจาน’

"บ้านหนองจาน" จ.สระแก้ว อยู่ระหว่างหลักเขตที่ 46-47 ในพื้นที่รับผิดชอบ ทภ. 1 ซึ่งมีปัญหาความทับซ้อน เกี่ยวข้องกับมิติประวัติศาสตร์ความมั่นคง อดีตศูนย์ดูแลผ๔ู้อพยพกัมพูชา

KEY

POINTS

  • บ้านหนองจานเป็นเขตอธิปไตยของประเทศไทย เดิมเคยใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวของชาวกัมพูชา
  • เวทีประชุมRBC จ.สระแก้ว กัมพูชาขอให้นำข้อเสนอฝ่ายไทยการจัดระเบียบชายแดนหารือในเวทีGBCเหตุไม่มีอำนาจตัดสินใจ

คำประกาศกร้าวโดย พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผอ.สำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับ กอ.รมน. กองบัญชาการกองทัพไทย หากกัมพูชาไม่อพยพคนออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ภายใน 2 เดือน ฝ่ายไทยจะใช้กำลังผลักดันออกจากพื้นที่ทันที

เหตุผลที่กองทัพไทย เลือกใช้ "พล.ต.วันชนะ" เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์การกู้ชาติ กู้แผ่นดิน จากบทภาพยนต์ตำนานสมเด็จ พระนเรศวร ทำหน้าที่ส่งสัญญาณถึง “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรี กัมพูชา และ “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภา กัมพูชา

หลังเกิดเหตุชาวกัมพูชารื้อรั้วลวดหนามไทย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการการทหารสูงสุด ได้มอบหมาย พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร พร้อมด้วยพล.ต.วันชนะ ตรวจเยี่ยมชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่กองกำลังบูรพา บ้านโนนหมากมุ่น บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อ 26 ส.ค.2568

โดยกองกำลังบูรพาได้ชี้ให้เห็นถึงพื้นที่อยู่ในเขตแดนประเทศไทย แต่ชาวกัมพูชามีการสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จำนวน 18 หลังคาเรือน ถือเป็นการรุกล้ำอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ คณะยังได้เดินทางไปยังจุดตรวจ ส.40 บ้านหนองจาน ตรวจภูมิประเทศในพื้นที่สำคัญตามแนวชายแดน ซึ่งกองทัพบกได้ทำการผลักดันกลับเข้าไปในเขตกัมพูชาในช่วงการสู้รบ 5 วัน ได้มีการนำคณะที่ดินและวัดพิกัด รวมถึงมีการ นำลวดหนามมาวางแนวใหม่

บ้านหนองจานเป็นเขตอธิปไตยของประเทศไทย เดิมเคยใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวของชาวกัมพูชาที่หนีภัยจากการสู้รบในอดีตเข้ามาสู่ประเทศไทย แต่ภายหลังสงครามสิ้นสุด ชาวกัมพูชากลับได้ขยายชุมชน ถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 43

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า เส้นตาย 2 เดือน ที่พล.ต.วันชนะ ประกาศไว้ ครอบคลุมการประชุมสำคัญ 2 กลไกระดับรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้

การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(GBC) มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม เป็นประธานฝ่ายไทย และ พล.อ.เตียเซฮา รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานฝ่ายกัมพูชา

โดยรอบนี้ ฝ่ายไทยจะเป็นผู้กำหนดวันเวลา และสถานที่การประชุม เพื่อติดตามความคืบหน้า 13 ข้อตกลงหยุดยิง ที่ได้ลงนามเมื่อ 7 ส.ค. หลังจากได้มอบหมายให้ระดับพื้นที่ไปประชุมหาแนวทางกำหนดข้อปฏิบัติผ่านการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา 3 พื้นที่ ประกอบด้วย

พื้นที่กองทัพเรือ จันทรบุรี-ตราด ประชุม เมื่อ 16 ส.ค.2568 ที่โรงแรมบ้านทะเลภู รีสอร์ท อ.คลองใหญ่ จ.ตราด พล.ร.ท.อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันจันทบุรีและตราด ในฐานะประธานฝ่ายไทย ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ต.อุย เฮียง ผู้บัญชาการทหารภูมิภาค 3

กองทัพภาคที่ 1 สโมสร นายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 จ.สระแก้ว มีพล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานฝ่ายไทย และ พล.อ.ซอมโอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 เป็นประธาน ฝ่ายกัมพูชา ประชุม 22 ส.ค.2568

ล่าสุด 27 ส.ค.2568 กองทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ประชุมร่วมกับ พล.ท.โปว เฮง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 โดยเป็นประธานร่วม ณ ห้องประชุมชั้น 2 ที่ทำการด่านศุลกากรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ได้ข้อสรุป 11 ข้อ ดังนี้

1. เห็นพ้องการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย -กัมพูชา (GBC)ในห้วงที่ผ่านมา มีผลบังคับใช้ และทั้งสองฝ่ายยอมรับทุกข้อ

2. ขอให้ทั้งสองฝ่ายได้ตกลง เรื่องการสื่อสารตามปกติให้มากขึ้น

3. ขอให้ทั้งสองฝ่าย เข้มงวด การออกข้อความที่เป็นเท็จในสังคม การสื่อสารทางออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย

4. ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ขยายความขัดแย้ง โดยการกระทำใดๆ ไม่มีการยั่วยุทางด้านการทหาร รวมถึงการใช้พลเรือน

5.การดำเนินการใดๆ ต่อที่ตั้งทางทหารของแต่ละฝ่าย ต้องได้รับความคุ้มครอง ให้มีความปลอดภัย

6.ให้ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงการพัฒนาเชิงบวก ปฏิสัมพันธ์ในแง่ที่ดี หมายความว่า พบปะกัน พัฒนาความสัมพันธ์ไปในทิศทางที่ดี โดยขอความร่วมมือทหารระดับล่าง จนถึงระดับสูง

7. ให้ทั้งสองฝ่าย ร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามมนุษยธรรมซึ่งทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกอนุสัญญาออตตาวา โดยทางฝ่ายกัมพูชา ได้เสนอว่า ในประเด็นนี้ ขอนำไปสู่การประชุมGBCครั้งหน้า เนื่องจากเป็นระดับนโยบาย

8. ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบจัดตั้งชุดประสานเพิ่มเติม

9. ทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันที่จะให้ความร่วมมือในการปราบปราม ป้องกัน อาชญากรรม ข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงออนไลน์ สแกมเมอร์ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การลักลอบ ค้าอาวุธ รวมถึงกิจกรรมที่ผิดกฎหมายข้ามแดนทั้งหมด ฝ่ายกัมพูชาขอให้นำประเด็นนี้เข้าสู่ในการประชุมGBC

10. ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสำคัญ ตอบสนองต่อการประท้วงเกี่ยวกับข้อพิพาทต่างๆ ขอให้รีบดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายไทยขอกำหนดเวลาในห้วงแรก แต่ฝ่ายกัมพูชาเสนอว่า การกำหนดห้วงเวลาให้ไปหารือในการประชุม GBC

11. ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบให้มีการจัดประชุม RBC ขึ้นตามห้วงเวลาที่กำหนด เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

2 เดือน ขีดเส้นตาย ‘กัมพูชา’  ล้อมรั้ว ‘บ้านหนองจาน’

โดยการประชุม RBC ทั้ง 3 พื้นที่มีบางข้อสรุปที่กัมพูชาตอบรับในหลักการ แต่ขอให้ไปหารือในการประชุม GBC อาทิ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบสแกมเมอร์ การจัดระเบียบชายแดน(สระแก้ว) เนื่องจากไม่มีอำนาจตัดสินใจ ให้รอระดับนโยบาย

ทั้งนี้ คาดว่า การประชุม GBC ในต้นเดือนก.ย.2568 กัมพูชาจะส่งต่อ 3 ประเด็นสำคัญนี้ไปสู่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ซึ่งมีรมว.การต่างประเทศเป็นประธาน ซึ่งจัดประชุมประมาณกลางเดือน ก.ย.เช่นเดียวกัน

การจัดระเบียบชายแดนบ้านโนนหมากมุ่น บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว หากกัมพูชายังเล่นแง่ ไม่ยอมตอบรับ และไม่อพยพชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยไทยออกจากพื้นที่ ฝ่ายไทยมีสิทธิ์ชอบธรรมขับไล่ออกจากพื้นที่

สอดคล้องกับ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ใช้เวทีการประชุม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดภูมิภาคอินโด-แปซิกฟิก ชี้แจงข้อเท็จสถานการณ์ชายแดนที่ไทยถูกกัมพูชารุกล้ำอธิปไตย

นอกจากนี้ พล.อ.ทรงวิทย์ ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าว ถึงแนวทางการสร้างรั้วลวดหนาม ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาให้มีความเข้มแข็งเพื่อป้องกันการรุกรานว่า กองทัพบกกำลังพิจารณาและนำไปปฏิบัติ ทั้งในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 หลังจากเสนาธิการลงไปในพื้นที่บ้านหนองจาน สระแก้ว และสื่อสารออกมาอย่างชัดเจนว่าตรงนั้นคือดินแดนของไทย และจะต้องมีการสร้างกำแพงที่แข็งแรง เพื่อปกป้องประชาชน และปกป้องการรุกรานจากฝ่ายตรงข้าม โดยตนเองจะสนับสนุนกองทัพบก 

สำหรับพื้นที่บ้านหนองจาน สระแก้ว อยู่ระหว่างแนวหลักเขตที่ 46-47 ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังบูรพา ขึ้นตรงยุทธการกับกองทัพภาคที่ 1 กลายเป็นพื้นที่ปัญหาที่มีความทับซ้อน เกี่ยวข้องกับมิติประวัติศาสตร์ความมั่นคง และการต่างประเทศ ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของศูนย์อพยพ ซึ่งไทยเปิดประตูต้อนรับผู้อพยพชาวกัมพูชาให้พักพิงหนีภัยสงคราม แต่ชาวกัมพูชาได้ปักหลัก ยึดที่ทำกิน นานวันจึงกลายเป็นการครอบครองพื้นที่ไปโดยปริยาย