จุดเปลี่ยน ศึกไทย-กัมพูชา ทีมเวิร์ก รัฐบาล-กองทัพ?

จุดเปลี่ยน ศึกไทย-กัมพูชา ทีมเวิร์ก รัฐบาล-กองทัพ?

การสถาปนาพื้นที่ความมั่นคงแนวชายแดน หากรัฐบาล กระทรวงต่างประเทศ กองทัพ เป็นทีมเวิร์ก “ชายแดนไทย-กัมพูชา” จะถูกปลดล็อกไปโดยปริยาย  

KEY

POINTS

  • การเจรจาหยุดยิง ได้เห็นร่องรอย ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายกองทัพไม่ได้มีการพูดคุยกัน ขาดความเป็นทีมเวิร์ก สะท้อนให้เห็นความไม่เป็นเอกภาพ
  • ฝ่ายกัมพูชาต้องการ พื้นที่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ประสาทตาเมือนธม ประสาทตาควาย ประสาทตาเมือนโต๊ด ช่องบก พื้นที่สัญลักษณ์ที่ยื่นฟ้องต่อศาลโลก
  • การขับเคลื่อนทางการเมืองระหว่างประเทศ ต่อกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาของรัฐบาลไทย ภายใต้การบริหารกระทรวงต่างประเทศ ของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ มีปัญหา

ท่าทีของ “ฌอน เค. โอนีลล์” ว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคนใหม่ ในการตอบคำถามในที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นขั้นตอนก่อนการรับรองเป็นทูต ตามระบบของสหรัฐฯ ต่อกรณีความขัดแย้งการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทย หรือความเป็นพันธมิตรระหว่างไทยกับสหรัฐ ไม่ใช่เป็นการโจมตีประเทศไทย อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาบิดเบือน และอาจไม่ใช่ประเด็นที่ต้องกังวล ตามที่ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบาย

ทว่า ก็อาจปฏิเสธไม่ได้ว่า การขับเคลื่อนทางการเมืองระหว่างประเทศ ทั้งในเวทีอาเซียน คณะมนตรีความมั่นคง ยูเอ็น ต่อกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาของรัฐบาลไทย ภายใต้การบริหารกระทรวงต่างประเทศ ของ“มาริษ เสงี่ยมพงษ์” มีปัญหา

เปรียบเทียบกับประสิทธิภาพการสื่อสารทางการเมืองระหว่างประเทศ ของกัมพูชา ที่เหนือกว่า เมื่อตีบทแตกว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำ แม้ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เวลานี้ ฝ่ายไทยยังตกอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ   

สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการ คือ พื้นที่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ประสาทตาเมือนธม ประสาทตาควาย ประสาทตาเมือนโต๊ด ช่องบก พื้นที่สัญลักษณ์ที่ยื่นฟ้องต่อศาลโลก แม้ปัจจุบันศาลโลกจะไม่รับก็ตาม

พื้นที่เป้าหมายเหล่านี้ โอกาสที่กัมพูชาจะครอบครองได้ ต้องมีกำลังทางทหารอยู่ในพื้นที่ แต่ปัจจุบันกำลังทหารไทยควบคุมพื้นที่ไว้ทั้งหมด กัมพูชาจึงขาดความชอบธรรม ในการนำไปกล่าวอ้าง เพื่อไปต่อสู้สันติวิธีโดยใช้แผนที่ 1 : 200,000

ขณะที่ทหารไทยยึดพื้นที่ได้ โดยใช้ แผนที่ 1 : 50,000 ดังนั้นฝ่ายกัมพูชาจึงอยู่ในสภาพเสียเปรียบ จึงพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อนำไปกล่าวอ้างสิทธิ์ และไม่หยุดการปฏิบัติทางทหาร หวังให้เกิดความได้เปรียบ ในการแย่งชิงพื้นที่ให้ได้ ขณะเดียวกันก็ใช้วิธีฟ้องประชาคมโลกว่าไทยเป็นฝ่ายรุกราน

ส่วนปัญหาฝ่ายไทย นอกจากอ่อนต่อการสื่อสารการเมืองระหว่างประเทศแล้ว ยังขาดความเป็นทีมเวิร์ก สะท้อนให้เห็นความไม่เป็นเอกภาพระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ 

จากปมคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯแพทองธาร ชินวัตร กับประธานวุฒิสภา ฮุน เซน ถูกโยงว่าอาจมีต้นตอมาจากความขัดแย้งระหว่างผู้นำหลังม่านใน 2 ประเทศ ทักษิณ ชินวัตร และฮุน เซน จนลามมาถึงเหตุการณ์ปะทะ และนำเหตุปะทะมากลบปัญหาที่ต้นตอ ซ้อนทับอีกชั้น ด้วยการเจรจาหยุดยิง

ตัดมายังสถานการณ์นี้ กัมพูชามองว่าการเจรจาทวิภาคีตามเป้าประสงค์ของไทย ทำให้เสียเปรียบ เหตุทหารไทยยึดพื้นที่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ไว้ได้หมดแล้ว และกองทัพไทยยังมีกำลังทางรบเหนือกว่า และยังดึงประเทศที่สามเข้ามาเกี่ยว

การเจรจาหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย กลายเป็นพหุภาคี เพราะเชิญผู้แทนสหรัฐอเมริกาและจีนเข้าร่วม เปิดโอกาสให้ประเทศมหาอำนาจที่จ้องอยู่แล้วกระโจนเข้ามาทันที ขณะที่กัมพูชาก็ใช้จังหวะนี้ ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร พุ่งสู่เป้าหมายตัวเอง
 
อดีตเลขาฯ สมช. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ตั้งข้อสังเกตว่า “การเจรจาหยุดยิง ได้เห็นร่องรอย ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายกองทัพไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพราะการหยุดยิง ต้องคุยกับทหารที่อยู่หน้างานก่อน เมื่อไม่ได้คุย จึงได้เห็นทหารเร่งโหมกำลังปกป้องพื้นที่ ภูมะเขือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย และพื้นที่อื่นๆ เพราะหากหยุดยิงแล้ว เราปกป้องพื้นที่ไม่สำเร็จ เราก็เสร็จกัมพูชา ทำให้กัมพูชาบรรลุเป้าหมายทางพื้นที่ยุทธศาสตร์ สามารถนำไปอ้างได้ว่า พื้นที่นี้เป็นของเขา”

ปัจจุบันไทยยังมีความชอบธรรม ที่เราป้องกันตนเอง และยึดพื้นที่ทางทหารได้ เราก็ได้เปรียบ แต่เราอ่อนเรื่องการสื่อสาร การแสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศ ส่วนสาเหตุที่อ่อน ต้องย้อนกลับไปที่ต้นตอคลิปเสียงสนทนาผู้นำไทยกับฮุนเซน ทำให้กองทัพไม่วางใจรัฐบาล ส่วนรัฐบาลเอง ก็ระแวงกองทัพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

พล.ท.ภราดร มองว่า หากรัฐบาลมีความเป็นเอกภาพกับกองทัพจริง ศบ.ทก.ต้องมีข้อมูลที่ฝ่ายกองทัพรายงานตลอดเวลา ประชาชนไม่จำเป็นต้องไปดูที่เพจกองทัพ เพราะเมื่อกองทัพขึ้นเพจ ก็ส่งมาที่ ศบ.ทก. และหากมีอะไรต่อยอด ก็ใส่เข้าไป ประชาชนจะมั่นใจได้ว่า เป็นข่าวจริง มีน้ำหนักทั้งข้อมูลของกองทัพ 
ที่สำคัญ ศบ.ทก.ต้องปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง และต้องมีการแถลงข่าว 24 ชั่วโมง เช่นกัน ต้องมีเจ้าหน้าที่ประจำ แม้จะตี 1 ตี 2 ก็ต้องแถลง หากจำเป็น แต่สิ่งนี้ไม่เกิด ก็เป็นคำตอบว่า ไม่มีเอกภาพ ไม่เกิดการบูรณาการร่วมกัน แสดงว่ารัฐบาลกับทหารไม่ราบรื่น ก็ต้องปรับไปที่จุดเกิดเหตุ

"หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ประเด็นเหล่านี้จะคลี่คลาย เพราะเราได้เปรียบอยู่แล้ว หากได้รัฐบาลที่มีความชอบธรรม มีบุคลากรรับหน้าที่การต่างประเทศที่แข็งแกร่งมาแก้ปัญหา แบบไม่ต้องไปเกรงใจ สามารถสื่อสารได้เต็มที่ เพราะปัญหารัฐบาลนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าถูกครอบงำ ถูกแบล็กเมล์หรือไม่ ถึงกลายเป็นข้อจำกัดในการสื่อสารทางการเมือง" พล.ท.ภราดร ระบุ

การสถาปนาพื้นที่ความมั่นคงแนวชายแดน หากรัฐบาล กระทรวงต่างประเทศ กองทัพ เป็นทีมเวิร์ก “ชายแดนไทย-กัมพูชา” จะถูกปลดล็อกไปโดยปริยาย