วิวัฒนาการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของภูมิรัฐศาสตร์โลกและการเมืองไทย

วิวัฒนาการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของภูมิรัฐศาสตร์โลกและการเมืองไทย

วิวัฒนาการที่เรากำลังเห็นในปัจจุบันอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเราทุกคนจำเป็นต้องยอมรับเต็มๆ 100% รวมทั้งวิวัฒนาการของอำนาจเก่าที่ถึงเวลาในการเปิดใจกว้างให้คนรุ่นใหม่เข้ามาแสดงฝีมือ บริหารการเมือง เศรษฐกิจและความมั่นคงของไทย

ข่าวการเมืองใหญ่ในสหรัฐฯออกมาพร้อมๆกัน เช่น การประกาศยอมรับเป็นทางการว่าประธานาธิบดีทรัมป์มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ขณะเดียวกันกระแสต่อต้านในกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดโต่งเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นว่ากล้าพูดกล้าแสดงออกด้วยขาดความกลัว เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวข้องกับ คดี Jeffrey Epstein ที่ 69% ของชาวอเมริกันเชื่อว่าปกปิดข้อเท็จจริง อาจกลายเป็นชนวนใหญ่ที่ทำให้ความแตกร้าวระหว่างทรัมป์กับฐานเสียงที่สนับสนุนเขา นำมาสู่โอกาสให้ทางเลือกใหม่เกิดขึ้น เช่น America Party ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่ Elon Musk ก่อตั้งขึ้น เพื่อหวังสั่งสอนและลงโทษพรรครีพับลิกัน

ต่างประเทศก็เริ่มมีข่าวใหญ่ เรื่องผู้นำบราซิล ‘Lula’ ตอบโต้และไม่ยอมก้มหัวที่ Trump ขู่เก็บภาษีศุลกากร 50% ทำให้คะแนนนิยมของเขาซึ่งจะต้องเข้าชิงตำแหน่งในปีหน้านั้นพุ่งกลับจากลบมาเป็นบวก

นายกรัฐมนตรีแคนาดา Carney ขยับเกมการค้าใกล้ชิดกับอังกฤษและยุโรป ประธานาธิบดีเม็กซิโก Sheinbaum ส่งสัญญาณเพิ่มความร่วมมือกับแคนาดาและประเทศอื่นๆ โดยหวังลดความพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ

เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้สอดคล้องกับผลสำรวจประชามติต่างๆและการประท้วงในสหรัฐฯเป็นวงกว้างทั่วประเทศ 1,600 เมืองพร้อมกันในวันที่ 17 กรกฎาคม ว่า ‘นโยบายปัจจุบันของทำเนียบขาวภายใต้ Trump 2.0 นั้นไม่ได้ตอบสนองปัญหาเร่งด่วนของพวกเขา โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ’

ผลการสำรวจล่าสุดของ The Associated Press-NORC Center for Public Affairs Research ระบุว่าชาวอเมริกัน 27% เท่านั้นที่เชื่อว่านโยบายของทรัมป์ในปัจจุบันช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น ขณะที่ 49%คัดค้านอย่างรุนแรงและ 22% นั้นยังไม่มีความเห็นอย่างเด่นชัด แบ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายเสรีนิยมเดโมแครต

82% ไม่เห็นด้วย เทียบกับรีพับลิกัน 55% และอิสระ 20%

ถึงแม้ว่าทีมทรัมป์จะไม่ออกมาแสดงความกังวลกับโพลต่างๆ แต่เป็นที่รู้กันว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่อ่อนไหวมากและพวกเขาให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะนำผลกระทบมาสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไปโดยเฉพาะกลางเทอมปลายปีหน้า ซึ่งแนวโน้มในขณะนี้เชื่อว่าอนุรักษ์นิยมจะสูญเสียเสียงข้างมากให้กับฝ่ายเสรีนิยมค่อนข้างแน่นอน

นโยบายที่กำลังเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงต่อคู่ค้าของสหรัฐฯทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสูงมาโดยตลอด ‘รวมทั้งไทย’ นั้น เป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถจะหาบทสรุปได้ ณ เวลานี้ ถึงแม้จะมีการแถลงข่าวชี้นำว่ามีบางประเทศสามารถตกลงกันได้แล้ว แต่แทบทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ไม่สามารถจะยืนยันเป็นรายละเอียดได้ว่าข้อตกลงนั้นสำเร็จสมบูรณ์จริงเพียงใดและยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับอีกหรือไม่

สหราชอาณาจักร จีน เวียดนาม อินโดนีเซียอินเดียและอีกหลายประเทศที่ถูกยกมาเป็นข่าว ว่าเจรจาสำเร็จแล้ว ก็ยังมีความกังวลอยู่ว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นอย่างไร

ข้อเสนอจากประเทศต่างๆซึ่งยอมลดภาษีนำเข้าของสินค้าจากอเมริกา หรือแก้ไขเรื่องต่างๆที่ถูกทักท้วงมา ในบางกรณีกลายเป็นปัญหาการเมืองในประเทศนั้น โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมต่างๆที่สูญเสียผลประโยชน์จากการนำเข้าของสินค้ายุทธศาสตร์ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้เปรียบ

สมมุติว่าไทยยอมทำตามเงื่อนไขที่อเมริกาเสนอมาทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ยอมลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% หรือยอมเรื่องฐานทัพด้านอันดามัน แต่เมื่อถึงเส้นตายในวันที่1 สิงหาคมแล้ว อัตราภาษีที่ 36% นั้นไม่ได้ถูกปรับลงอย่างที่คิด ก็อาจจะนำมาสู่ความขัดแย้งทางการเมือง และกระแสต่อต้านจากประชาชน สะเทือนเสถียรภาพของรัฐบาลในที่สุด

ภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันโดยพึ่งพาการส่งออกและความที่ยังไม่พร้อมปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมที่แข่งขันได้ในระดับสูง อาจนำมาสู่การปิดกิจการเป็นวงกว้างและถึงขั้นล้มละลาย และอาจจะเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤติ เมื่อนักการเมืองบางคนประสบอุบัติเหตุลงจากอำนาจหรือพรรคการเมืองถูกยุบและ นำมาสู่การประกาศยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่

เห็นได้ชัดว่า ‘กระแสการเมืองไทยในปัจจุบันเอนเอียงไปทางเสรีนิยมเพิ่มขึ้น’ จากการขยันขันแข็งในการทำงานด้วยความสุจริตและทำการบ้านอย่างละเอียดรอบคอบ ‘ผสมความล้มเหลวของฝ่ายอนุรักษ์นิยมทั้งเรื่องส่วนตัวและความผิดพลาดในการเดินหมากการเมือง ซึ่งในระยะนี้การเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมของไทยดูเหมือนที่ขาดเอกภาพและไม่มีผู้นำคนใดหรือกลุ่มใดที่ได้รับความสนับสนุนหรือความชอบธรรมอย่างเด่นชัดโดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับพรรคการเมืองของคนหนุ่มสาว’

คำถามต่อไป คือ 'จะมีการเลือกตั้งใหญ่ภายในปีนี้หรือไม่ และผลการเลือกตั้งออกมาจะเด็ดขาดเพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายเสรีนิยมได้เข้ามาบริหารประเทศหรือ ยังต้องหาทางประนีประนอมและยินยอมต่อเงื่อนไขของกลุ่มอำนาจนอกระบบ'

น่าจับตามองอิทธิพลและการแทรกแซงจากทุกด้านต่างนอกประเทศหลายด้านพร้อมกัน โดยเฉพาะจากมหาอำนาจทั้งสองซึ่งไม่สามารถจะสูญเสียความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับไทยได้

จะเห็นการลงทุนอย่างเป็นทางการของจีนและการสนับสนุนอย่างเปิดเผยของภาครัฐและการคัดสรรบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจที่เชื่อถือได้เข้ามายึดพื้นที่และความสัมพันธ์กับบริษัทในไทยที่มีความหิวโหยต่อเงินลงทุนจากต่างประเทศและพันธมิตรที่มีมาตรฐาน อย่างไรก็ตามจีนยังเจอปัญหาของภาพลักษณ์ จากพฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพหรือกลุ่มผลประโยชน์แฝงแบบจีนเทาซึ่งชาวไทยกำลังเข็ดขยาด

ส่วนสหรัฐอเมริกาซึ่งมีผลประโยชน์ทั้งความมั่นคงและเศรษฐกิจในภูมิภาคและพึ่งพาการที่ไทยเป็นศูนย์กลางใหญ่มาหลายทศวรรษก็ต้องปรับตัวอีกหลายรอบจนกว่าจะเข้าที่ เนื่องจากนักการเมืองอเมริกันระดับสูงหลายคนขาดวุฒิภาวะและไม่ทำการบ้านเพียงพอจึงถูกเปิดโปงและทำให้ส่งสัญญาณถึงความไม่น่าเชื่อถือของมหาอำนาจอันดับหนึ่งด้านโลกเสรี

การเปลี่ยนแปลงที่เราเห็นพร้อมกันในหลายประเทศโดยเฉพาะการเมืองในไทยและในสหรัฐฯซึ่งชาวไทยให้ความสนใจเป็นกรณีพิเศษนั้นกำลังสะท้อนให้เราเห็นถึงวิวัฒนาการแบบธรรมชาติซึ่งอาจจะมาจากเหตุของการวิวัฒนาการเทคโนโลยีการสื่อสารและการค้นคว้าระดับสูงซึ่งกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลก

วิวัฒนาการ หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงหรือคลี่คลายไปสู่สภาวะที่ดีขึ้นหรือเจริญขึ้น ทั้งในด้านสิ่งมีชีวิตและสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุมีชีวิต เช่น วิวัฒนาการของมนุษย์, วิวัฒนาการของภาษา, วิวัฒนาการของเทคโนโลยี

วิวัฒนาการที่เรากำลังเห็นในปัจจุบันอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเราทุกคนจำเป็นต้องยอมรับเต็มๆ 100% รวมทั้งวิวัฒนาการของอำนาจเก่าที่ถึงเวลาในการเปิดใจกว้างให้คนรุ่นใหม่เข้ามาแสดงฝีมือ บริหารการเมือง เศรษฐกิจและความมั่นคงของไทยครับ