อัศวินขี่ม้าขาว...ไม่มี และนารีก็ไม่ได้ขี่ม้าขาว

คนไทยที่คาดหวัง “นารีขี่ม้าขาว” นายกฯหญิง จะเป็นฮีโร่ตัวจริง พาชาติพ้นภัย ที่ไหนได้ตัวนายกฯหญิงเองยังไม่รอด โดนสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
KEY
POINTS
- เทรนด์การเมืองทั้งของโลกและของไทย ไม่มีใครหวังพึ่ง “อัศวินขี่ม้าขาว” ลงมาปัดเป่าสารพัดปัญหาของบ้านเมืองกันอีกแล้ว เพราะมันพิสูจน์มาไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่า “ไม่มีจริง”
- ไม่ว่าจะอัศวินปฏิวัติมา อัศวินคลื่นลูกที่สาม อัศวินแลนด์สไลต์ อัศวิน ม.44 หรือนารีสวมบทอัศวิน สุดท้ายมีแต่พวกท่านที่ “วิน-วิน” ส่วนคนไทยได้แค่ความหวัง “ขาดวิ่น”
- สุดท้ายคนไทยที่คาดหวัง “นารีขี่ม้าขาว” นายกฯหญิง จะเป็นฮีโร่ตัวจริง พาชาติพ้นภัย ที่ไหนได้ตัวนายกฯหญิงเองยังไม่รอด โดนสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
ประเทศไทยและคนไทยเรามาถึงยุค “หมดที่พึ่ง” และ “ไม่รู้จะพึ่งใคร” เพราะผู้นำทุกองคาพยพของเรามีปัญหาทั้งหมด
ผู้นำบางคน บางองค์กร มีหน้าที่ตรวจสอบ หรือเป็นสัญลักษณ์ความโปร่งใส และความดี แต่วันนี้กลับกลายเป็นความสกปรก ความโกง ความขุ่นมัว สีเทา หรือถึงขั้นดำมืดเสียเองก็ยังมี
หลายภาคส่วนในสังคมพยายามปลอบใจว่า ปัญหาเกิดจากตัวบุคคล แต่องค์กรหรือสถาบันนั้นๆ ไม่เกี่ยว แต่ก็ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า ถ้า “คน” หรือ “ผู้นำองค์กร” มันไม่ดีเสียแล้ว จะไปหวังให้ระบบมันดี คงจะเป็นไปไม่ได้ มีแต่พวกเขาจะใช้องค์กรรับใช้ความเลวของตนด้วย…ไม่มากก็น้อย
เริ่มจาก “พระ” ที่พึ่งทางใจของคนไทยซึ่งนับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่กว่าค่อนประเทศ วันนี้พากันพ่ายแพ้กิเลส ตกเป็นเหยื่อ “สีกาล่าเจ้าคุณ” ที่เปิดเผยมาแล้วมีสิบกว่ารูป แต่ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ ยังมีอลัชชีแฝงตัวอยู่ในผ้าเหลืองอีกเป็นจำนวนมาก เพียงแต่หลักฐานยังสาวไม่ถึง หรือยังไม่ถึงคราวแจ็กพ็อตเหมือน “คลิปมือถือจากสีกากอล์ฟ” เท่านั้น
แน่นอน หลักพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ได้แปดเปื้อนไปกับบรรดา “สมี” หรือ “อลัชชี” พวกนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันย่อมส่งผลให้ผู้คนในสังคมต้องตั้งคำถามเวลาจะเข้าวัด ทำบุญ ว่าเงินจะไหลไปเข้ากระเป๋าสีกา หรือบ่อนออนไลน์ที่ไหนหรือไม่ สรุปแล้วทำบุญแล้วได้บุญจริงหรือเปล่า
ที่พึ่งทางใจซึ่งมีน้อยอยู่แล้ว ยิ่งถูกทำลาย คิดง่ายๆ พระผู้ใหญ่เหล่านี้ต้องเคยร่วมสวด หรือปลุกเสกวัตถุมงคลที่เรานำมาบูชา หรือห้อยคอ แล้ววันนี้เรารู้สึกกันอย่างไร จะกราบไหว้บูชากันได้สนิทใจกันต่อไปอีกหรือ
จาก “พระ” ข้ามมา “ตำรวจ” สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นข่าวอดีตตำรวจคนดัง ซึ่งเคยเป็นที่พึ่งหวังของประชาชนจำนวนไม่น้อย จนได้ฉายา (ที่ตัวเองอาจจะตั้งเอง) ว่า “ตำรวจมหาชน” เดินสายแก้คดีให้ตัวเองอยู่
เป็นตำรวจใหญ่ยังมีพฤติกรรมแอบถ่ายคลิป แอบอัดเสียง นำไปปล่อยดิสเครดิต หรือต่อรองคดี ต่อรองทางการเมือง เรื่องแบบนี้เกิดซ้ำๆ เป็นข่าวใหญ่หลายครั้ง จนชาวบ้านบ่นกันว่า “เราจะอยู่กันอย่างไร”
สัปดาห์ที่ผ่านมาเหมือนกัน ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการใหญ่ “กวาดล้างเครือข่าย ก๊ก อาน” ไปค้น 19 จุด ฟังดูเหมือนดี มีผลงาน แต่มันน่าแปลกหรือไม่ ข้อมูลหลั่งไหล “ก๊ก อาน” ทำธุรกิจสีเทาอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นคนใกล้ชิดอดีตผู้นำเขมร เป็นตัวการใหญ่ทำคอลเซนเตอร์ ฯลฯ แต่ตำรวจปล่อยให้เขามาสร้างเครือข่ายในบ้านเราอย่างยาวนาน
แล้วตอนเปิดปฏิบัติการทลายคอลเซนเตอร์ ซีลชายแดน ตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมัน ตำรวจไม่รู้บ้างหรือว่ามีเครือข่าย “ก๊ก อาน” ซ่อนอยู่ในบ้าน ในประเทศของเราเอง แบบนี้จะพึ่งหวังได้จริงหรือไม่ ปฏิบัติการที่ทำเป็นเรื่องใหญ่ แท้จริงเป็นแค่ “ละครฉากหนึ่ง” หรือเปล่า
ข่าวว่ามี “คนรู้ดี” ช่วยชี้เป้าให้ไปดักจับ ดักอายัดบัญชีเงินสีเทาของเครือข่ายผู้นำประเทศเพื่อนบ้านที่ถูกยูเอ็นขึ้นแบล็กลิสต์ แต่พอ ปปง. และธนาคารตามไปสกัด ก็ช้าไปก้าวหนึ่งทุกที เหมือน “คนรู้ดี” รู้เห็นกับคนที่ถูกชี้เป้า แล้วแบบนี้เราจะพึ่งใครได้
ถัดจาก “พระ” จาก “ตำรวจ” ไปต่อกันที่ “ป.ป.ช.” องค์กรความหวังปราบโกง ตั้งมาตั้งแต่หลังรัฐธรรมนูญปี 2540 ผ่านมา 20 กว่าปี วันนี้มีแต่ข่าวอื้อฉาว เล่นพรรคเล่นพวก แบ่งสี โดนการเมืองเข้าไปยึด ครอบงำ
ผู้นำองค์กรบางคนบางท่าน ไปเดินสายล็อบบี้ตำแหน่งตามบ้านคนใหญ่คนโตจนโดนคลิปแอบถ่าย แต่ถามว่ามีจิตสำนึกแสดงความรับผิดชอบอะไรหรือไม่...คำตอบคือ “ไม่มีจ้า!”
ลองคิดเล่นๆ วันหนึ่งคดีคลิปเสียงนายกฯแพทองธาร เข้าสู่การพิจารณาขององค์กรปราบโกงองค์กรนี้ มีผู้นำองค์กรคนนี้นั่งบัญชาการ ท่านก็จะสวมบทเจ้าหลักการ ยึดกฎหมาย เอาเป็นเอาตายประหารชีวิตทางการเมือง ทั้งๆ ที่ในกลุ่มพวกตนก็ไม่ได้แตกต่างกัน
เข้าทำนองทีใครทีมัน สีใครสีมัน อย่าพลาดมาแล้วกัน...ฟันยับ!
ปัจจุบันองค์กรตามรัฐธรรมนูญองค์กรอื่นแทบทุกองค์กร ก็ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน แม้แต่ สตง. ตึกถล่มทั้งตึกยังหาคนรับผิดชอบไม่ได้สักคน อยู่กันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชาวบ้านได้แต่ภาวนา ตึกถล่มเที่ยวหน้า ท่านช่วยนั่งทำงานอยู่ในตึกด้วยได้หรือไม่
เหลียวไปดู สว. ที่ชื่อ “วุฒิสภา” หรือ สภาของผู้ทรงคุณวุฒิ เรียกชื่อกันเล่นๆ ว่า “สภาสูง” ตามนิยาม ตามความหมายมันควร “สูง” หรือ “ทรงภูมิ” แต่ดูผลลัพธ์ที่เราได้มา เลือกกันไปเลือกกันมา คงเห็นกันเต็มตาว่าได้ใครมาทำงานบ้าง มีคุณภาพ “สูง” สมชื่อแค่ไหน
ที่สุดอันตรายคือ “จิตสำนึก” โดนข้อกล่าวหาร้ายแรงจนสะอึกว่ามีการ “ฮั้วเลือก สว.” แต่ก็ยังทำงานต่อ เลือกองค์กรอิสระกันทุกเดือนทุกสัปดาห์ แล้วกรรมการที่ได้รับเลือกเหล่านั้น ก็ย้อนมาตรวจสอบนักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือนกันอีกที
แล้วแบบนี้เราจะเชื่อถือ เชื่อมั่น พึ่งหวังได้จริงหรือไม่ ก็ในเมื่อพวกท่านเองก็ถูกกล่าวหา หนำซ้ำคนที่ออกโรงกล่าวหา หลายคนก็ฮั้วมาเหมือนกัน แต่ “ทำไม่ถึง” ก็เลยไม่ได้เข้าสภา สุดท้ายเลยเล่นบทคนดีศรีอยุธยา แล้วแบบนี้เราจะเชื่อได้อย่างไร
สมาชิกเข้าชื่อถึงประธาน ยื่นถอดถอนคนที่มีบทบาทสอบตัวเอง ประธานรีบส่งเรื่องไปศาลยังไม่พอ ยังใส่ชื่อตัวเองในคำร้องด้วย ยุคนี้ไม่ต้องมีหิริโอตตัปปะ มารยาท หรือการวางตัวเป็นกลางใดๆ กันอีกแล้ว เปิดตัวเปิดหน้าใส่เสื้อโชว์สีกันให้เห็นๆ กันไปเลย จะได้ไม่ต้องเดา
สุดท้ายคนไทยที่คาดหวัง “นารีขี่ม้าขาว” นายกฯหญิง จะเป็นฮีโร่ตัวจริง พาชาติพ้นภัย กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แจกเงินคนละหมื่น ดึงขึ้นมาจากก้นเหว ที่ไหนได้ตัวนายกฯหญิงเองยังไม่รอด โดนสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แถมวันดีคืนดียังเพิ่มตำแหน่งให้ตัวเอง จะได้นั่งไป ครม.ต่อไป
แทนที่จะได้ “นารีขี่ม้าขาว” วันนี้คนไทยอย่างเราๆ ได้เจอแต่ “นารีพิฆาต” สีกากอล์ฟมาแรงแซงทุกสี ส่วนนายกฯที่เป็นนารี ก็พิฆาตความเชื่อมั่นประเทศ จนคนหวนคิดถึง “ลุงตู่”
พี่น้องที่ติดตามข่าวสาร สัปดาห์ที่ผ่านมาคงได้เห็น “อัศวินขี่ม้าขาว” ออกทีวีช่องเนชั่น ทั้งเดิมพัน ทั้งรับประกันว่าถ้ามีท่านอยู่ ชาติรอดแน่ ทั้งๆ ที่รัฐบาลซึ่งนำโดยพรรคที่ท่านเป็นเจ้าของ อยู่ในอาการร่อแร่ ผ่านมา 2 ปี ยังไม่มีผลงาน แต่เปลี่ยนไปแล้ว 2 นายกฯ จนล่าสุดต้องมี 3 ออปชั่นให้เลือก คือ ไปต่อ เปลี่ยนนายกฯ หรือยุบสภา
น่าเศร้าตรงที่ 3 ออปชันที่ว่า มีแต่ผ่าทางตันพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นมีผ่าทางตันประเทศไทย สร้างความมั่นใจว่าจะรอดได้อย่างไรเลยแม้แต่น้อย
เทรนด์การเมืองทั้งของโลกและของไทย ไม่มีใครหวังพึ่ง “อัศวินขี่ม้าขาว” เป็นเทวดาจุติลงมาปัดเป่าสารพัดปัญหาของบ้านเมืองกันอีกแล้ว เพราะมันพิสูจน์มาไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่า “ไม่มีจริง”
ไม่ว่าจะอัศวินปฏิวัติมา อัศวินคลื่นลูกที่สาม อัศวินแลนด์สไลต์ อัศวิน ม.44 หรือนารีสวมบทอัศวิน สุดท้ายมีแต่พวกท่านที่ “วิน-วิน” ส่วนคนไทยได้แค่ความหวัง “ขาดวิ่น” นอนพะงาบๆ กันเหมือนเดิม
ถ้าอยากจะหา “ที่พึ่ง” แนะนำให้ไปส่องกระจก แล้วท่านจะเห็น…นั่นแหละครับ “ที่พึ่ง” คือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน…ตัวใครตัวมันเลยก็แล้วกัน!







