'ปชน.' ความหวังอนาคต หรือก้าวไม่พ้นเกมตัวเอง?

'ปชน.' ความหวังอนาคต หรือก้าวไม่พ้นเกมตัวเอง?

พรรคประชาชน 'ปชน.' ความหวังอนาคต หรือก้าวไม่พ้นเกมตัวเอง?

ดูเหมือนการเมืองปัจจุบัน ถูกมองข้ามช็อตไปถึงอนาคตเอาไว้แล้ว เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่า แม้รัฐบาล จะไปต่อได้ ไม่ว่า "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร จะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย "ถอดถอน" จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ได้ใครแทน แต่ก็อยู่ในภาวะเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งไม่น่าจะอยู่ยาวจนครบเทอม

สถานการณ์เช่นนี้ถือว่าเข้าทาง พรรคประชาชน (ปชน.) ซึ่งได้ทีขี่แพะไล่ เดินเกมให้รัฐบาล "ยุบสภา" อย่างเดียว เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งใหม่

นั่นหมายถึงความหวังที่พรรคประชาชนจะได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนส.ส.ที่มากกว่าเดิม จนอาจได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เมื่อเทียบกระแสนิยมทุกพรรคในขณะนี้

'ปชน.' ความหวังอนาคต หรือก้าวไม่พ้นเกมตัวเอง?

ส่วนพรรคประชาชน จะเป็นความหวังในอนาคตของประชาชนคนไทยหรือไม่ เรื่องนี้ยังมีคำถาม โดยเฉพาะการก้าวไม่พ้น "วาระของตัวเอง" ที่ติดตัวมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ และก้าวไกล ซึ่งเป็นการสืบสานอุดมการณ์ทางการเมือง และได้รับผลของการสืบสานอุดมการณ์(ถูกยุบพรรคและต้องคดี ม.112)

ที่สำคัญ การสืบสานอุดมการณ์ปฏิรูปโครงสร้างอำนาจและเปลี่ยนแปลงประเทศในที่สุดนั้น ไม่ง่าย ต้องใช้เวลา และต่อสู้กับระบบดั้งเดิม ขนบอนุรักษ์อีกมากมาย ดังนั้นจึงต้องมีพลังและทุ่มพลังอย่างสูง นี่คือ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่การได้มาซึ้งอำนาจรัฐ คือ การต้องมุ่งแก้ไขปัญหาประชาชน จะจัดการสมดุลได้อย่างไร

ความจริง หลายคนอาจลืมไปแล้วว่า อดีตพรรคก้าวไกล ในร่างทรงพรรคประชาชนปัจจุบัน เคยต่อสู้คู่ขนานกับม็อบเยาวชนคนรุ่นใหม่ ในหลายชื่อ หลายเหตุการณ์ ระหว่าง ปี 2563-2564

และต้องไม่ลืมว่า เริ่มจาก "แฟลชม็อบ" ที่นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย "ยุบพรรคอนาคตใหม่" ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 จากนั้นก็กลายเป็นม็อบลงถนน เดินขบวนประท้วงไปยังสถานที่ต่างๆ และมีการผ่าฝืนกฎหมายมากมาย รวมทั้งมีการทำผิด ป.อาญา ม.112 (หมิ่นสถาบันฯ)

'ปชน.' ความหวังอนาคต หรือก้าวไม่พ้นเกมตัวเอง?

ส่วนข้อเรียกร้องก็เปลี่ยนไปตามประเด็นทางการเมืองในสภาฯ ต่อต้านการรัฐประหาร หนักสุดคือ ปฏิรูปสถาบันฯ

จนเป็นเหตุให้มีคดีติดตัวแกนนำคนสำคัญหลายคดี และผู้ร่วมชุมนุมอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับสถาบันฯ หรือผิด ม.112 ในช่วงหลังศาลไม่ให้ประกันตัว

ทั้งหมด ยังคาราคาซังอยู่จนถึงทุกวันนี้ และที่ทำให้เรื่องเงียบไป เพราะพรรคก้าวไกล ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค อันเนื่องมาจากความผิดเสนอแก้ไข ป.อาญา ม.112 นั่นเอง

นี่คือ สิ่งที่เคยเกิดขึ้น และมีพรรคการเมืองบางพรรค เดินเกมคู่ขนานในสภาฯ ก่อนจะนำมาสู่นโยบายแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง ปี 2566 และถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จนนำไปสู่การ "ยุบพรรค" ในเวลาต่อมา

ยิ่งกว่านั้น ส.ส.44 คนของพรรคก้าวไกล ที่ลงชื่อเสนอร่างแก้ไขกฎหมาย ม.112 เข้าสู่สภาฯในคดีเดียวกัน ก็ถูกยื่นเรื่องเอาผิดต่อ ป.ป.ช. ข้อหา "ผิดจริยธรรมร้ายแรง" ด้วย ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.

เมื่อเป็นเช่นนี้ "วาระส่วนตัว" ของพรรคประชาชน จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นการสืบสานอุดมการณ์ต่อจากพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล อันเปรียบเหมือน "ไฟต์บังคับ" ไม่ว่าอยู่ในฐานะรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

ที่เห็นได้ชัดที่สุดในเวลานี้ กรณีผลักดันออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง พรรคประชาชน เห็นควรรวม คดีความผิด ป.อาญา ม.112 ด้วย เพราะเห็นว่า แรงจูงใจมาจากเรื่องการเมือง

เรื่องนี้ถ้าจะว่าไปแล้ว สืบเนื่องมาจาก แกนนำผู้ชุมนุมประท้วงระหว่างปี 2563-64 หลายคน ถูกดำเนินคดีข้อหาทำผิด ป.อาญา ม.112 และแม้แต่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก็ถูกดำเนินคดี ป.อาญา ม.112

'ปชน.' ความหวังอนาคต หรือก้าวไม่พ้นเกมตัวเอง?

และก็ไม่แปลกที่ "ปิยบุตร" จะออกมาโพสต์เฟซบุ๊กอย่างดุเดือด โจมตีนักการเมือง(11 ก.ค.68)

โดยเขาระบุถึงกรณีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในสภาฯว่า เหตุที่บรรดานักการเมืองและพรรคการเมืองจำนวนมากตั้งข้อรังเกียจกับการนิรโทษกรรมในความผิดการแสดงออกทางการเมือง โดยรวมความผิดตามมาตรา 112 ไปด้วยนั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดหรอก นอกจาก ยังไม่มี "ใบอนุญาต" ให้ทำ จึงเกรงว่า หากทำลงไปแล้วจะถูกยึด "ใบอนุญาต" ที่ให้เป็นรัฐบาล หรือตัดโอกาสการได้ "ใบอนุญาต" ให้เป็นรัฐบาล ลองถ้ามีปาฏิหาริย์ มี "ใบอนุญาต" ให้นิรโทษกรรมขึ้นมาสิ ขี้คร้านจะกลับลำ 360 องศา จนคนดูงงไปตามๆกัน

"ปิยบุตร" ระบุด้วยว่า ปัญหาที่ควรขบคิดพิจารณาต่อไป ถ้าสัมพันธภาพทางอำนาจตามการเมืองความเป็นจริงนี้บอกเราว่า นิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 112 โดยพลการไม่ได้ ต้องมี "ใบอนุญาต" เสียก่อน บรรดาพรรคการเมืองและนักการเมืองได้พยายามหา "ใบอนุญาต" เพื่อนิรโทษกรรมคดี 112 นั้นแล้วหรือยัง? แล้วเหตุใด การตรากฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งเป็นอำนาจนิติบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎร กลับต้องมี "ใบอนุญาต" เสียก่อน

"ตกลงแล้ว สภาของผู้ที่รวมตัวกันแล้วอ้างเป็นผู้แทนของราษฎร เป็น "ผู้แทน" ของ "ใคร" กันแน่? นักการเมืองและพรรคการเมืองไทยในยุคนี้ ขี้ขลาดขี้กลัวกว่านักการเมืองและพรรคการเมืองไทยในอดีตมาก"....

ที่น่าคิดไปกว่านั้น ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังโพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ถึงคำพูดของ "ชัยธวัช ตุลาธน" อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล อย่างมีนัยสำคัญทางการเมือง(11 ก.ค.68)

โดยระบุว่า "การวินิจฉัยปัญหาการเมือง การที่ ชัยธวัช อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลออกมาชี้ว่า ที่การเมืองวุ่นตอนนี้ไม่ได้เกิดจาก "ตระกูลชิน" แต่เกิดจากการที่คณะรัฐประหาร-ชนชั้นนำต้องการมีอำนาจเหนือเสียงประชาชน

ฟังเผินๆ เหมือนช่วย "ตระกูลชิน" แต่เอาเข้าจริงๆ คือ ช่วยพวกตัวเอง (พรรคประชาชน อดีตอนาคตใหม่-ก้าวไกล) มากกว่า เพราะตัวความจริงเองมันเริ่มเปิดให้เห็น

เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร กลับมาสำแดงฤทธิ์เดชให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง หลังจากจากไปเกือบ 20 ปี คนรุ่นใหม่ที่โตไม่ทันเห็น ก็ได้เห็น ในสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้เห็นด้วยตา สัมผัสด้วยมือของตัวเอง แต่ได้ยินผ่านเขาเล่ากรอกหูมาตลอด 20 ปีว่า ทักษิณเป็นประชาธิปไตย และไม่เข้าใจว่า ทำไมประชาชนรุ่นพ่อแม่พี่ป้าน้าอาถึงออกไปต่อต้านทักษิณที่เป็นประชาธิปไตย

แต่กลับเข้าใจไปว่า ประชาชนรุ่นพ่อแม่พี่ป้าน้าอาเป็นพวกอนุรักษ์อำนาจนิยม ชื่นชมรัฐประหาร มาวันนี้ การที่ทักษิณไม่หยุดตัวเอง และไม่หยุดรักษาอำนาจตัวเองผ่านการบูชายัญลูกสาว (ทั้งที่เคยทำผ่านน้องเขย น้องสาวมาแล้ว แต่ไม่สำเร็จ) ทำให้คนรุ่นใหม่ได้ประจักษ์ด้วยตัวเองแล้วว่า ระบอบทักษิณเป็นอย่างไร อำพรางตนอยู่ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตยอย่างไร

ชัยธวัช (อาจรวมทั้งธนาธร ปิยบุตร ฯลฯ) จึงวิตกว่า พวกตนจะเสียกำลังคนรุ่นใหม่ ที่ตนได้สร้างวาทกรรมหล่อหลอมมาตลอด จึงออกมาโยนสาเหตุให้ รัฐประหาร-ชนชั้นนำ เสียดื้อๆ แทนที่ ชัยธวัช และพรรคประชาชนจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาอย่างแข็งขันเพื่อต้านทานระบอบทักษิณ

กลับนั่งคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ของพวกตัวเอง และวิตกว่าวาทกรรมเรื่องเล่าของพวกตนที่กำลังพังทลายลง ที่พังไม่ใช่เพราะไอโอทหาร หรือฝีมือชนชั้นนำศักดินา แต่พังเพราะความจริงได้ปรากฏตัวมันเองผ่านพฤติกรรมทักษิณและลูกน้องบริวาร วินิจฉัยผิดโดยไม่ตั้งใจ ก็เข้าใจได้ แต่ถ้าตั้งใจวินิจฉัยผิด บิดความจริง อันนี้ต้องระวัง...

กลับตัวกลับใจยังทันนะครับ ยืนอยู่ข้างความจริงดีกว่าไหม ? ไม่งั้น ระวังเด็กมันจะถอนหงอกให้ก่อนวัยอันควร !

ประเด็นของ อ.ไชยันต์ ดูเหมือนทำให้เห็นว่า คนที่อยู่เบื้องหลังพรรคประชาชน นอกจากก้าวไม่พ้น "วาระส่วนตัว" แล้ว ยังก้าวไม่พ้น "ชนชั้นนำ-รัฐประหาร" ด้วย

แน่นอน, ท่ามกลางกระแสที่พรรคประชาชนถูกคาดหมายว่า จะได้รับเลือกมาเป็นอันดับ 1 อย่างไม่ต้องสงสัยในการเลือกตั้งครั้งหน้า และตราบใดที่พรรคประชาชนยังก้าวไม่พ้น "วาระส่วนตัว" ประชาชนคนไทยยังหวังพึ่งได้แค่ไหน นับว่าน่าคิดเหมือนกัน