กลยุทธ์ ‘สมเด็จ 5 ดาว’ คู่แค้น ‘ชินวัตร’ เปิดแนวรบการเมือง

สำหรับที่มา “5 ดาวทอง” หรือ “นายพล 5 ดาว” มาจากกษัตริย์นโรดมสีหมุนี พระราชทานยศนายพลเอกอาวุโสแก่ “สามสมเด็จ” คือ สมเด็จฮุน เซน สมเด็จเฮง สัมริน และสมเด็จเจีย ซีม เมื่อปี 2551
KEY
POINTS
-
สมเด็จฮุน เซน สมเด็จเฮง สัมริน และสมเด็จเจีย ซีม ก็คือ “สามสหาย” ที่มีรากเหง้ามาจาก “เขมรอิสระ” ขบวนการคอมมิวนิสต์เขมร ที่เป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนของโฮจิมินห์
-
หลังโค่นระบอบเขมรแดง ทั้ง 3 สหายได้ร่วมกันสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา ภายใต้การชี้นำของพรรคประชาชนกัมพูชา ก่อนจะกลายเป็นราชอาณาจักรกัมพูชาในปัจจุบัน
-
การแต่งตั้งยศชั้น “นายพล 5 ดาว” ของกัมพูชา ยังเป็นการสร้างระบบของตัวเอง ให้แตกต่างออกไปจากประเทศเพื่อนบ้าน
หลังตระกูล “ฮุน” เปิดศึกแตกหักตระกูล “ชินวัตร” สมเด็จฮุน เซน ก็ไม่หยุดเดินเกมเขย่ารัฐบาลแพทองธาร ผ่านสื่อโซเชียลข้ามแผ่นดิน
พลันที่รู้ข่าวนายกฯ แพทองธาร ไปตรวจราชการชายแดนที่ จ.สระแก้ว สมเด็จฮุน เซน ก็แต่งชุด “นายพล 5 ดาว” นั่ง ฮ.มาให้กำลังใจทหารแนวหน้าที่ จ.อุดรมีชัย และ จ.พระวิหาร
ปรากฏว่า สื่อไทยได้นำเสนอภาพข่าว “สมเด็จ 5 ดาวทอง” ประกาศตัวเป็นเสนาธิการใหญ่ มากกว่าข่าวนายกฯ แพทองธาร ไปชายแดนด้านคลองลึก
เนื่องจากชั่วโมงนี้ คนไทยแห่ติดตามเพจสมเด็จ ฮุน เซน รวมเพจสำนักข่าวของกัมพูชาอย่าง Fresh News, Kampuchea Thmey Daily, Khmer Times ฯลฯ ราวกับนั่งอ่านข่าวสื่อออนไลน์บ้านตัวเอง
สมเด็จ ฮุน เซน ยกคณะอดีตนายทหาร และนายทหารจากพนมเปญมาร่วมประชุมกับนายทหารในพื้นที่ จ.อุดรมีชัย และ จ.พระวิหาร ภายในอาคารกองบัญชาการกองพลที่ 3 เมืองสำโรง จ.อุดรมีชัย เมื่อเช้า วันที่ 26 มิ.ย.2568
สไตล์ผู้มากบารมีตัวจริง สมเด็จ ฮุน เซน แต่งตั้งตัวเองเป็น “เสนาธิการกองทัพ” ทำหน้าที่จัดหาเสบียงให้กับกำลังพลที่กำลังเผชิญหน้าศัตรูที่ชายแดน
ปัจจุบัน กองทัพกัมพูชา ได้เคลื่อนกำลังทหารกองพลที่ 2 และ 3 เข้าประจำการตามแนวชายแดนด้าน จ.พระวิหาร และ จ.อุดรมีชัย พร้อมกับกองกำลังหน่วยองครักษ์พิทักษ์สมเด็จ ฮุน เซน
มีข้อน่าสังเกต สื่อกัมพูชาที่ติดตามสมเด็จ ฮุน เซน มาชายแดน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสองพ่อลูกตระกูล “เตีย” มากนัก
ทั้งที่สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บัญ เคยเป็น รมว.กลาโหม และ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา เป็นรองนายกฯ ควบ รมว.กลาโหม
ตรงข้ามสื่อเขมรให้ความสำคัญกับลูกชายฮุน เซน 2 คนคือ ฮุน มานิต และฮุน มานี ซึ่งทั้งคู่อยู่ในชุดทหารเต็มยศ
พล.ท.ฮุน มานิต ผู้อำนวยสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ลูกชายคนกลางของสมเด็จฮุน เซน จับงานด้านนี้มานานกว่า 20 ปี เรียกว่าเจ้าพ่อสายลับเขมรตัวจริง
พล.ต.ฮุน มานี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กิจการสาธารณะ เพิ่งกลับเข้ารับราชการทหารเมื่อ 3 วันที่แล้ว เพื่อมาประจำการที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย
เมื่อปี 2554 ฮุน มานี ลูกชายคนเล็กของสมเด็จฮุน เซน ได้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยป้องกันชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นสถาบันด้านกลาโหมที่มีชื่อเสียงในกรุงวอชิงตัน
สมัยเรียนปริญญาตรีที่ฝรั่งเศส ฮุน มานี เคยเข้ารับการฝึกวิชาทหารหลักสูตรระยะสั้น และเมื่อกลับมากัมพูชา ก็เข้ารับราชการทหาร
ภายหลังสมเด็จฮุน เซน ให้ลูกชายคนเล็กลาออกไปสมัคร สส. โดยเป็น สส.จาก จ.กัมปงจาม หลายสมัย และหันไปทำงานจัดสหพันธ์เยาวชนแห่งชาติ
สำหรับที่มา “5 ดาวทอง” หรือ “นายพล 5 ดาว” นั้น มาจากกษัตริย์นโรดมสีหมุนี พระราชทานยศนายพลเอกอาวุโสแก่ “สามสมเด็จ” คือ สมเด็จ ฮุน เซน สมเด็จเฮง สัมริน และสมเด็จเจีย ซีม เมื่อปี 2551
ทั้ง 3 สมเด็จได้เข้ารับพระราชทานยศชั้นใหม่ในพิธีที่จัดขึ้น ณ รัฐสภา “พระเจ้าอยู่หัวทรงชื่นชมท่านผู้นำสูงสุดของประเทศทั้งสามท่าน นี่คือ เหตุผลที่ว่าทำไมจึงมีการพระราชทานประดับยศนายพลห้าดาวแด่ทั้งสามท่านในครั้งนี้” นี่เป็นถ้อยแถลงของตัวแทนกษัตริย์นโรดมสีหมุนี
ดั่งที่ทราบกัน สมเด็จ ฮุน เซน สมเด็จเฮง สัมริน และสมเด็จเจีย ซีม ก็คือ “สามสหาย” ที่มีรากเหง้ามาจาก “เขมรอิสระ” ขบวนการคอมมิวนิสต์เขมร ที่เป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนของโฮจิมินห์
เมื่อปลายปี 2520 เฮง สัมริน เจีย ซีม และฮุน เซน ได้จัดแนวร่วมกู้ชาติฯ โค่นเขมรแดง โดยการสนับสนุนของกองทัพเวียดนาม
หลังโค่นระบอบเขมรแดง ทั้ง 3 สหายได้ร่วมกันสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา ภายใต้การชี้นำของพรรคประชาชนกัมพูชา ก่อนจะกลายเป็นราชอาณาจักรกัมพูชาในปัจจุบัน
สมเด็จเจีย ซีม เสียชีวิตไปแล้ว ยังเหลือแค่สมเด็จฮุน เซน วัย 70 ปีเศษ และสมเด็จเฮง สัมริน ที่ชราภาพมากแล้ว
ว่ากันว่า “สมเด็จ 5 ดาว” ทั้งสามไม่ได้มีอำนาจบังคับบัญชากองทัพโดยตรง กฎหมายบัญญัติให้ต้องสั่งการผ่านรัฐมนตรีกลาโหมซึ่งมียศเป็นนายพลเอก
การพระราชทานยศชั้นให้ผู้นำสูงสุดทั้งสามคน จึงเป็นเสมือนการมอบเกียรติยศตอบแทนบุคคลที่ประกอบคุณความดีต่อชาติ
การแต่งตั้งยศชั้น “นายพล 5 ดาว” ของกัมพูชา ยังเป็นการสร้างระบบของตัวเอง ให้แตกต่างออกไปจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว และเวียดนาม
ว่ากันตามจริง “นายพล 5 ดาว” มาตรวจเยี่ยมทหารชายแดน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีการรบรากันในวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้
ดังที่สมเด็จ ฮุน เซน กล่าวต่อหน้านายทหารองครักษ์ที่ประจำการอยู่ที่ จ.พระวิหารว่า “กองทัพพร้อมรบ ครั้งนี้สงครามจะไม่ใช่แค่เป็นสงครามตั้งรับ แต่จะเป็นการโต้กลับด้วย”
จริงๆ แล้ว ฮุน เซน ต้องการเล่นสงครามข่าวสาร และหวังเขย่าการเมืองไทยเหมือนฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พูดว่า “ผมรอคอยอย่างใจจดใจจ่อว่า ใครคือ คนที่มีอำนาจตัวจริง และมีจุดยืนที่ชัดเจนของประเทศไทย..”
ไม่ต่างจากสมเด็จ ฮุน เซน ที่สวมบทกูรูการเมืองหน้าจอ วิเคราะห์ว่า ภายในอีก 3 เดือน เมืองไทยจะมีนายกฯ คนใหม่
ดูเหมือนการเคลื่อนไหวทั้งการเมือง การทหาร และการทูตของ “สมเด็จ 5 ดาวทอง” นั้น หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในไทย โดย “มือที่มองไม่เห็น” ที่กำจัดตระกูลชินวัตร ให้พ้นจากอำนาจ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







