ยกระดับ สยบ ‘ฮุนเซน’ ยุทธศาสตร์โลกล้อม ‘กัมพูชา’

กรณีพิพาทกัมพูชาที่เปิดฉากมาเกือบ 1 เดือน ฝ่ายไทยอาจไม่จำเป็นต้อง ยกระดับมาตรการรุนแรงใดๆ กดดันในห้วงเวลานี้ แม้จะมีไพ่อยู่หลายใบ แต่เลือกใช้เท่าที่จำเป็น ให้เหมาะสมสถานการณ์ เพื่อคงความได้เปรียบปัญหาพิพาทชายแดน ต่อสายตาประชาคมโลก

เหตุเพราะไทยเป็นประเทศใหญ่กว่า หากบุ่มบ่าม ทำตามเสียงเชียร์ในประเทศ และการยั่วยุของผู้นำกัมพูชา ที่ใช้โชเชียลมีเดียก่อสงครามจิตวิทยา สร้างเงื่อนไขชายแดน หวังให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างประชาชน และกำลังสองฝ่าย เช่น กรณีร้องเพลงประสาทตาควาย ไทยอาจเพลี่ยงพล้ำ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเอง

แม้ปัจจุบัน การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อปฏิบัติการสงครามข่าวสาร ฝ่ายไทยจะเป็นรองสองพ่อลูก “ฮุน เซน-ฮุน มาเนต” ผู้นำกัมพูชา ที่เล่นบทถูกกระทำ และยัดเยียดให้ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายรุกราน แต่หากใช้ไม่ระวัง โซเชียลมีเดียย่อมเป็นดาบสองคม ย้อนกลับไปทำร้ายผู้ปล่อยข่าวสารเสียเอง ดังเช่นกรณี คลิปเสียงสนทนาระหว่างผู้นำไทย แพทองธาร ชินวัตร-ฮุน เซน

ขณะที่นายกฯแพทองธาร ถูกตั้งข้อสงสัยถึงความสัมพันธ์ และผลประโยชน์ระหว่างสองตระกูล ถูกตั้งคำถามถึงภาวะผู้นำ และความอ่อนด้อยชั้นเชิงการเมืองระหว่างประเทศ จนเก้าอี้นายกฯสั่นคลอน ทางด้าน “ฮุน เซน” เอง ก็มีภาพลักษณ์ติดลบต่อสายตาอาเซียน และสังคมโลก ที่อาจส่งผลกระทบต่อกัมพูชาเช่นกัน

อะไรเป็นเหตุผลที่ “ฮุน เซน”ขึ้นถึงจุดเดือด จนงัดคลิปลับสนทนากับแพทองธาร ส่งต่อไปให้ 80 คน ก่อนถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นประเด็นร้อน พบว่ามีหลายประเด็น ถูกขยายกลายเป็นภาพลบระดับโลก

ย้อนไปวันที่ 6 มิ.ย.2568 หลังสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)มอบอำนาจให้กองทัพบก ใช้มาตรการเปิดด่านแบบจำกัดเวลา ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา คัดกรอง จำกัดบุคคล เช่น นักท่องเที่ยว เข้าไปกัมพูชา ส่วนบุคคลทั่วไป นักเรียน พ่อค้าแม่ค้าเข้า-ออกได้ตามปกติ

เมื่อมาตรการดังกล่าว บังคับใช้เข้าสู่วันที่สอง ทหารกัมพูชาจึงประสานมายังทหารไทย เพื่อขอเจรจา พร้อมทำตามข้อเสนอฝ่ายไทย ปรับกำลังทหารสองฝ่ายจากจุดปะทะช่องบก อุบลราชธานี กลับไปอยู่ในจุดเดิมปี 2567 พร้อมกลบคูเลต ปรับพื้นที่ให้อยู่ในสภาพเดิม

แต่ฝ่ายไทยยังคงมาตรการเปิดด่านจำกัดเวลา หวังต่อรองให้กัมพูชาใช้เวทีทวีภาคี หาทางออกปัญหาจุดปะทะช่องบก ในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม(JBC)ไทย-กัมพูชา และถอนกำลังทหารกว่าแสนนาย พร้อมอาวุธหนัก ออกจากพื้นที่ แต่ไร้ผล

กัมพูชากลับเดินหน้า ยื่นปัญหาช่องบก พ่วงปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนโต๊ด ขึ้นสู่ศาลโลก พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติกดดันไทยให้ยอมรับอำนาจศาล และเข้าสู่กระบวนการพิจารณา

อีกทั้ง ตอบโต้มาตรการเปิดด่านจำกัดเวลาของไทย ด้วยการปิดด่านบ้านแหลมและด่านผักกาด จ.จันทบุรี ห้ามรถบรรทุกผักและผลไม้ ผ่านเข้าไปในกัมพูชา

ฝ่ายไทย จึงสั่งห้ามคนไทยผ่านด่าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เข้าไปทำงานในบ่อน กาสิโน หรือสถานบันเทิง กัมพูชาพร้อมเข้มงวดช่องทางธรรมชาติทุกจุด

ในระหว่างที่ไทย-กัมพูชา ใช้มาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ เข้าแลกกัน คนละหมัดสองหมัด โดยแต่ละฝ่ายพุ่งเป้าไปที่หัวใจหลัก ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หล่อเลี้ยงของแต่ประเทศ

พลันปรากฏข่าว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. Department of State) ปรับระดับคำแนะนำการเดินทาง (Travel Advisory) ฉบับล่าสุด 9 มิ.ย. 2568 จัดประเทศไทยให้อยู่ใน ระดับ 1 - Exercise Normal Precautions ซึ่งเป็นระดับปลอดภัยสูงสุด เทียบเท่าประเทศชั้นนำอย่าง ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และสิงคโปร์ ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนใต้

ถัดมาไม่กี่วัน สื่อท้องถิ่นในสหรัฐฯ รายงานอ้างเอกสารภายในรัฐบาล ลงวันที่ 14 มิ.ย.2568 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งห้าม 36 ประเทศ เดินทางเข้าสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นประเทศทวีปแอฟริกา แคริบเบียน แปซิฟิก และเอเชียกลาง และในจำนวน 36 ประเทศนี้ มีกัมพูชารวมอยู่ด้วย

สอดรับเครือข่ายบังคับใช้กฎหมายอาชญากรรมทางการเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐ (FinCEN) ได้เผยแพร่ “ข้อสังเกตต่อร่างกฎหมายที่เสนอ” หรือ Notice of Proposed Rulemaking (NPRM) ตามมาตรา 311 ของกฎหมาย USA PATRIOT

โดยระบุว่า Huione Group ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกัมพูชา เป็นสถาบันการเงินที่มีความกังวลว่าอาจมีการฟอกเงินเป็นหลัก และได้เสนอให้ตัดการเข้าถึงระบบการเงินของสหรัฐฯ

สำหรับ "Huione Group” เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินขนาดใหญ่ของกัมพูชา มีความเชื่อมโยงกับ “ตระกูลฮุน” หนึ่งในผู้บริหาร ฮุน โต (Hun To) เป็นลูกพี่ลูกน้องของ ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา และเป็นหลานชายฮุน เซน

ขณะที่ทางการไทย โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ตรวจพบเส้นเงินบริษัท “Huione Group” พบความเคลื่อนไหวในการรับโอนเงินจากเว็บพนันออนไลน์ และเครือข่ายแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่เข้ามาหลอกลวงคนไทย

ต่อมา นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอรายงานพิเศษ UN agency map reveals Cambodia as global scammer hub กัมพูชาศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ใหญ่สุดระดับโลก

ทำให้ฮุน เซน ควันออกหู โดยเชื่อว่า หน่วยงานความมั่นคงไทยอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี้ และส่งข้อมูลหลักฐานให้กับนานาชาติ จนรัฐบาลกัมพูชาต้องเผชิญแรงกดดันมหาศาล

เมื่อถูกย้อนไปถึงสถานการณ์ การสู้รบเมื่อปี 2554 กัมพูชา เคยถูกนานาชาติโจมตีอย่างหนัก เมื่อทำผิดอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) หลังจากฝ่ายไทย มีหลักฐานชี้ชัดว่า กัมพูชาวางกับดักระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณประสาทเขาพระวิหาร สังหารทหารไทย

เนื่องจากทั้งไทยและกัมพูชา เป็นภาคีของอนุสัญญานี้ และให้สัตยาบัน เมื่อปี 1998 และปี 1999 ตามลำดับ

สถานการณ์จากนี้ ฝ่ายไทยแค่รอเวลาให้ “ฮุน เซน” หมดทาง ท่ามกลางแรงกดดันนานาชาติถาโถมไปยัง “รัฐบาลกัมพูชา” แหล่งฮับอาชญากรรมไซเบอร์ใหญ่สุดระดับโลก

ดังนั้นเป้าหมาย การเจรจาให้กัมพูชาถอนกำลังทหารกว่าแสนนาย พร้อมอาวุธหนักออกจากชายแดน และหันหน้าเข้าสู่การหาทางออกแบบทวิภาคี ไร้ประเทศที่สาม ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม