รัฐบาลไทยเรียกเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ 'หารือข้อราชการ'

รัฐบาลไทยเรียกเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ 'หารือข้อราชการ'

รัฐบาลไทย ตัดสินใจ เรียกนายตุลย์ ไตรโสรัส เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศไทย เพื่อหารือข้อราชการ กต. ย้ำ ไม่ได้ตัดความสัมพันธ์

ความคืบหน้าในการดำเนินการด้านต่างประเทศของไทยกรณีกัมพูชา ล่าสุดมีรายงานว่า รัฐบาลไทย โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ สั่งการให้นายตุลย์ ไตรโสรัส เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญทูตกลับมาเพื่อหารือข้อราชการตามปกติ ไม่ได้มีการตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเชิญทูตมาประชุมนี้ เป็นการเชิญ นายตุลย์ ไตรโสรัส เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ มาหารือเพียงคนเดียว ขณะที่งานส่วนอื่นได้ดำเนินการตามปกติ ยังไม่ได้มีการลดระดับความสัมพันธ์แต่อย่างใด

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2568 กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับหนังสือประท้วง กรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย และสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา กัมพูชา

โดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ฝ่ายไทยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณและมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐ ที่ไม่อาจยอมรับได้

และถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากลและการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี

ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือหัวหน้ารัฐบาลของประเทศ ที่ควรได้รับการเคารพ ให้เกียรติ ตามแนวปฏิบัติสากลของการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศ จึงได้มีหนังสือประท้วงถึงกรณีดังกล่าวผ่านช่องทางการทูต โดยได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับหนังสือดังกล่าว