รู้ทันเล่ห์ ‘ฮุน เซน’ เกมอำนาจ ‘ชาตินิยม-สงคราม’

สองพ่อลูกตระกูล“ฮุน” ปลุกกระแสชาตินิยมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในชั้นนี้ "ฮุน เซน" บรรลุเป้าหมาย ได้ใจคนกัมพูชา สร้างเสถียรภาพให้รัฐบาลลูกชายได้สำเร็จแล้ว
KEY
POINTS
- พ.ศ.นี้ สมเด็จฮุน เซน ในฐานะผู้นำจิตวิญญาณ ย่อมต้องปกป้องทายาท ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี ซึ่งกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้รัฐบาลตระกูล “ฮุน” คะแนนนิยมตกต่ำ
- สองพ่อลูกตระกูล “ฮุน” ได้เวทีสภาฯ ปลุกกระแสชาตินิยมอย่างเต็มที่ หากผู้นำประเทศไม่แสดงความแข็งกร้าวต่อประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะถูกฝ่ายค้านโจมตีว่า อ่อนแอขี้ขลาด
- ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในชั้นนี้ สมเด็จฮุน เซนบรรลุเป้าหมายปักธงชาตินิยมในใจคนเขมร สร้างเสถียรภาพและความมั่นคงให้แก่รัฐบาลลูกชายสุดที่รักได้สำเร็จแล้ว
40 กว่าปีบนเส้นทางการเมือง “ฮุน เซน” ดำเนินกลยุทธ์รักษาอำนาจ ด้วยการสร้างความหวาดกลัว และปลุกกระแสชาตินิยม ผ่าน “วาทกรรมสงครามและความเกลียดชังต่อเพื่อนบ้าน”
ฮุน เซน ผ่านยุค ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สมัย เขมรแดง ยุคการปฏิวัติส่งออกด้วยการเปิดทางให้เวียดนามบุกยึดกัมพูชา
กัมพูชา จมปลักอยู่ในสงคราม “เขมร 4 ฝ่าย” อยู่นานถึง 11 ปี จึงได้เห็นสันติภาพ และประชาธิปไตยแบบตะวันตก
อดีตทหารเขมรแดงอย่างฮุน เซน เรียนรู้การเมือง “ชาตินิยมเขมร”ได้เร็ว จึงเอาชนะคู่แข่งสายเจ้าเก่า-นโรดมสีหนุ รวมถึงกลุ่มเขมรเสรีนิยมที่มาจากฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา
พ.ศ.นี้ สมเด็จฮุน เซน ในฐานะผู้นำจิตวิญญาณ ย่อมต้องปกป้องทายาท ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี ซึ่งกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้รัฐบาลตระกูล “ฮุน” คะแนนนิยมตกต่ำ
พลันที่เสียงปืนแตก ณ สมรภูมิ ช่องบก 28 พ.ค.2568 สองพ่อลูก สมเด็จฮุน เซน และฮุน มาเนต จึงปักธงที่จะลากไทยไปศาลโลก
ล่าสุด รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ กรณีการปะทะกันระหว่างกองทัพไทย และกองทัพกัมพูชาที่ช่องบก ด้วยการตัดสินใจส่งข้อพิพาทในพื้นที่อ่อนไหว 4 แห่ง ได้แก่ สามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ) ณ กรุงเฮก
ดูเหมือนว่า ทางฝ่ายกัมพูชา จะไม่ให้ความสำคัญกับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก(JBC) วันที่ 14 มิ.ย.นี้ ที่กรุงพนมเปญ
สองพ่อลูกตระกูล “ฮุน” ได้เวทีสภาฯ ปลุกกระแสชาตินิยมอย่างเต็มที่ อย่างกรณี สมเด็จฮุน เซน อธิบายว่า กัมพูชากับเวียดนาม ปักปันเขตแดนเสร็จสิ้นไปแล้ว 84% โดย 16% ที่เหลือยังอยู่ระหว่างการเจรจา กัมพูชาและลาว ปักปันเขตแดนไปแล้ว 86% โดยอีก 14% ที่เหลือยังอยู่ระหว่างการเจรจา
ส่วน ชายแดนกัมพูชาและไทย ไม่สามารถทำอะไรสำเร็จเลยมา 25 ปีแล้ว ดังนั้น ทางกัมพูชาจึงไม่สนใจ MOU43 และขอพึ่งศาลโลกแก้ไขปัญหาข้อพิพาทดังกล่าว
“นี่ไม่ใช่การปลุกปั่นความโกรธ แต่เป็นเรื่องของอำนาจอธิปไตยของชาติ และตอนนี้เราจะรู้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รักชาติและใครที่รักประเทศอย่างแท้จริง เมื่อเราไม่สู้กลับ พวกเขาก็บอกว่า เราเป็นคนขี้ขลาดและไม่กล้าสู้”
สมเด็จฮุน เซน รู้ดีว่า ปัญหาชาตินิยมเขมรนั้นอันตราย หากผู้นำประเทศไม่แสดงความแข็งกร้าวต่อประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะถูกฝ่ายค้านโจมตีว่า อ่อนแอขี้ขลาด
โดยเฉพาะ สม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้าน ได้ปลุกกระแสชาตินิยม โดยเฉพาะประเด็นข้อพิพาทเรื่องเขตแดนทั้งทางบกและทางทะเล ระหว่างไทยและกัมพูชา ขึ้นมาโจมตีรัฐบาลฮุน มาเนตอย่างต่อเนื่อง
ทำนองว่า รัฐบาลตระกูล “ฮุน” อ่อนแอ หรือไม่ก็สมคบกับรัฐบาลไทย ซึ่งมีทักษิณ ชินวัตร เพื่อนรักของสมเด็จฮุน เซน ชักใยอยู่เบื้องหลัง เพื่อยกดินแดนและผลประโยชน์ให้กับไทย
ต้นปีนี้ สม รังสี และพลพรรคได้จับเอาประเด็นเกาะกูดมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลฮุน มาเนต อ้างอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะกูด และขอให้นำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
ในอดีต สม รังสี เคยปลุกกระแสชาตินิยม กรณีรัฐบาลสมเด็จฮุน เซน รับรองแผนที่ของเวียดนามในการปักปันเขตแดนว่าเป็นการยอมจำนนทางดินแดน
เมื่อเร็วๆ นี้ ฝ่ายค้านกัมพูชา ได้ปลุกกระแสเวียดนามกำลังรุกล้ำดินแดนกัมพูชาหลายจุด โดยเฉพาะใน 4 จังหวัดทางภาคตะวันออก ได้แก่ รัตนคีรี มณฑลคีรี กระแจะ และสตึงเตรง
สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี นักวิจัยที่เชี่ยวชาญประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ ได้ขยายปมเวียดนาม-กัมพูชาว่า
“ตระกูลฮุน มีประเด็นเรื่องความขัดแย้งเรื่องพรมแดนกับประเทศเวียดนามเป็นพื้นฐาน ซึ่งฝ่ายค้านกัมพูชากล่าวหาว่า เขายอมให้เวียดนามยึดที่ไปง่าย เพราะเวียดนามเคยช่วยตระกูลนี้ให้ไล่เขมรแดงออกไปได้ เขาจึงสนิทกับเวียดนามและพูดแรงกับเวียดนามไม่ได้ แต่เขาพูดแรงกับไทยได้”
หลายคนอาจกังขาว่า สมเด็จฮุน เซน สนิทชิดเชื้อกับทักษิณ ชินวัตร แต่เหตุใดจึงเปิดเกมพิพาทชายแดนกับไทย ในสมัยรัฐบาลแพทองธาร
สุภลักษณ์ เฉลยประเด็นนี้ว่า “ต่อให้สนิทกับคุณทักษิณมากกว่านี้ สิ่งที่ฮุน เซนต้องแสดงคือ เขาไม่ยอมเป็นลูกไล่ใคร”
ตรงกันข้าม รัฐบาลแพทองธาร โดยทักษิณเป็นผู้นำหลังม่าน กลับถูกคนไทยหวาดระแวงต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ซึ่งถูกมองว่าตกเป็นเบี้ยล่างกัมพูชา หรือตระกูล “ฮุน”
รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างฮุน เซน และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ฮุน เซนเคยอุปถัมภ์ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ช่วงลี้ภัย ทำให้ฝ่าย “ชนชั้นนำ”การเมืองไทยไม่ไว้วางใจ
มีข้อน่าสังเกต ความรู้สึกชาตินิยมที่กำลังขึ้นสู่กระแสสูงในเวลานี้ ไม่ได้มีแต่พลังอนุรักษนิยมเท่านั้น หากแต่กลุ่มเสรีนิยมจำนวนไม่น้อยที่ได้แสดงออกผ่านโซเชียล เพราะความไม่ไว้วางใจต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวของ “ทักษิณ-ฮุน เซน”
สรุปปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา มี 2 ปัจจัยหลัก คือแผนที่เขตแดนไทย-กัมพูชายังไม่มีการชำระ และสำรวจปักปันเขตแดนร่วมกัน
ที่สำคัญ การปลุกเร้าสถานการณ์ความหวาดระแวง และกระแสชาตินิยมของทั้ง 2 ประเทศ
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในชั้นนี้ สมเด็จฮุน เซน บรรลุเป้าหมายปักธงชาตินิยมในใจคนเขมร สร้างเสถียรภาพและความมั่นคงให้แก่รัฐบาลลูกชายสุดที่รักได้สำเร็จแล้ว







