เบื้องลึกศึกช่องบก 'ฮุนเซน - ขวาไทย' สุมไฟชาตินิยม

“การเมืองชาตินิยม” เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงรักษาฐานอำนาจของตระกูลฮุน มากว่า 40 ปี ดังนั้น การสู้รบที่ชายแดน จึงเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนแท้ หรือเพื่อนร่วมอุดมการณ์
KEY
POINTS
- ช่องบก รอยต่อสามประเทศ ไทย-กัมพูชา-ลาว เป็นจุดเปราะบาง เพราะการปักปันเขตแดนยังไม่แล้วเสร็จ แต่ระยะหลัง ทหารกัมพูชา มีการสร้างที่มั่น ขุดคูเลตโดยอ้างว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน แต่ล้ำเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย
- ปมพิพาทไทย-กัมพูชา มาจากกับดักเรื่องเขตแดนและแผนที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายรัฐบาลแพทองธาร เพราะทหารกองทัพภาคที่ 2 จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว
- ในการรักษาอำนาจของฮุน เซน คือ การสร้างความหวาดกลัว และปลุกกระแสชาตินิยมให้กับประชาชน ซึ่งมักจะถูกนำมาใช้ในทุกการเลือกตั้ง หรือกรณีพวกเขาเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง
ไม่ว่านักการเมืองตระกูลฮุน ทั้ง ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต หรือฝ่ายค้านพลัดถิ่นอย่าง สม รังสี มีความช่ำชองในการเล่นการเมืองชาตินิยม
แม้ว่าสมเด็จฮุน เซน จะเป็นเพื่อนแท้กับ ทักษิณ ชินวัตร แต่เกมการเมืองชาตินิยมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ย้อนไปเมื่อปี 2560 สมเด็จฮุน เซน สั่งทหารพร้อมอาวุธหนัก ประชิดชายแดนลาว-กัมพูชา ยื่นคำขาดให้ทหารลาวออกจากพื้นที่อ้างสิทธิ
วันนั้น ทหารกัมพูชาพร้อมยิงทหารลาว ทั้งที่สมเด็จฮุน เซน และทองลุน สีสุลิด ผู้นำ สปป.ลาว ก็เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์กันมายาวนาน
“การเมืองชาตินิยม” เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงรักษาฐานอำนาจของตระกูลฮุน มานานกว่า 40 ปี ดังนั้น การสู้รบที่ชายแดน จึงเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนแท้ หรือเพื่อนร่วมอุดมการณ์
ใครก็รู้ว่า ช่องบก รอยต่อสามประเทศ(ไทย-กัมพูชา-ลาว) เป็นจุดเปราะบาง เพราะการปักปันเขตแดนยังไม่แล้วเสร็จ แต่ระยะหลัง ทหารกัมพูชา มีการสร้างที่มั่นขุด "คูเลต" แนวสนามเพลาะทางยุทธวิธี สำหรับการวางกำลังป้องกัน เตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน แต่มันล้ำเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย
กองทัพภาคที่ 2 พยายามสื่อสารไปทาง บก.ทหารกัมพูชา จ.พระวิหาร ให้หยุดการขุดคูเลตรุกล้ำดินแดนไทย แต่ทหารกัมพูชาก็ยังไม่หยุด
เหนืออื่นใด การข่าวทหารไทยทราบว่า กองทัพกัมพูชา เสริมกำลังเข้ามายังชายแดนด้าน จ.พระวิหาร จำนวนมาก ตั้งแต่หลังสงกรานต์ที่ผ่านมา
“ทหารกัมพูชา มากกว่าทหารไทยที่ประจำการช่องบก 18 เท่า เราจึงยอมไม่ได้”
แหล่งข่าวในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่น
ปฏิบัติการเคลียร์พื้นที่ และขับไล่ “ผู้รุกราน” บนรอยต่อสามประเทศ จึงเริ่มขึ้นแบบเงียบๆ
สามทุ่มคืนวันที่ 27 พ.ค.2568 ขบวนรถทหารออกเดินทางจากมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มุ่งหน้าสู่ช่องบก ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
ตีสอง ทหารเข้าประจำการพื้นที่ช่องบก เพื่อเจรจาทหารกัมพูชา ที่ขุดคูเลต จากบริเวณต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งรุกล้ำเขตดินแดนไทย
ตีห้า เกิดเหตุปะทะกันราว 10 นาที แล้วทหารสองฝ่ายต่างหยุดยิง และตรึงกำลังไว้ในจุดที่ตั้งของตัวเอง
หลังเกิดเหตุสู้รบ ผบ.หน่วยทหารในพื้นที่สั่งเคลื่อนกำลังทหารปืนใหญ่ ทหารยานเกราะ และทหารช่าง ถอยลงมาอยู่หมู่บ้านแห่งหนึ่งห่างจากจุดปะทะประมาณ 16 กิโลเมตร
ตอนสายวันที่ 28 พ.ค.2568 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์บริเวณช่องบก หลังพบว่าทหารกัมพูชาขุดคูเลต จึงได้สั่งการให้ทหารไทยตรึงกำลังไว้ “หากทหารกัมพูชาไม่ถอยออกไป เราก็ไม่ถอยเช่นกัน”
ระหว่างที่เสียงปืนเงียบลง จึงมีการเจรจากันที่ช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดย พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก กับ พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยไม่ต้องสู้รบกันต่อไป
ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่อยู่ระหว่างการเยือนญี่ปุ่น ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงจุดยืนไม่ต้องการให้ 2 ประเทศสู้รบกัน และเรียกร้องให้แก้ปัญหาเขตแดน ด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ
ส่วนสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา ได้ไปพูดในที่ประชุมสภาฯ กัมพูชา เมื่อเช้าวันที่ 29 พ.ค.2568 โดยระบุว่า เหตุทหารไทยปะทะทหารกัมพูชาครั้งล่าสุด เป็นฝีมือของกลุ่มบุคคลที่มองกัมพูชาเป็นศัตรูมาตั้งแต่ปี 2552 ไม่ใช่รัฐบาลไทยในปัจจุบัน
พูดกันตรงๆ สมเด็จฮุน เซน พุ่งเป้าโจมตีไปที่ “กลุ่มอนุรักษนิยมไทย” ซึ่งเคยเป็นคู่แค้นกับรัฐบาลตระกูลฮุน มาเนตตั้งแต่กรณีปราสาทพระวิหาร สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
จะว่าไปแล้ว ความเปราะบางของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา น่าจะคุกรุ่นมาตั้งแต่ พล.จ.เนี้ยะ วงศ์ ผบ.กองพลทหารราบที่ 42 พากลุ่มแม่บ้านมาร้องเพลงชาติกัมพูชา ที่บริเวณลานทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์
การเคลื่อนไหวของนายทหารกัมพูชาคนนี้ที่ปราสาทตาเมือนธม มีนัยทางการเมืองอย่างแน่นอน
ปีที่แล้ว มีความเคลื่อนไหวของกลุ่ม คปท.จุดประเด็นไทยจะเสียดินแดนเกาะกูด จ.ตราด และเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก MOU 44 ที่ไทยลงนามร่วมกับกัมพูชาไว้เมื่อปี 2544
ฝ่าย สม รังสี อดีตหัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา(CNRP) ที่เป็นปรปักษ์กับสมเด็จฮุน เซน และพรรคประชาชนกัมพูชา(CPP) ได้จับประเด็น “เกาะกูด” มาเคลื่อนไหวทันที โดยเรียกร้องให้รัฐบาลฮุน มาเนต อ้างอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะกูด และให้รัฐบาลกัมพูชาประกาศว่า เกาะกูดเป็นของกัมพูชา
จะว่าไปแล้ว นักการเมืองกัมพูชา ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน มักเล่นการเมือง “ชาตินิยมเขมร” อยู่เสมอ
สมัยที่ไทย-กัมพูชา เกิดข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหาร นักวิเคราะห์ความมั่นคงไทยชี้ว่า “ฮุน เซน จงใจปลุกกระแสชาตินิยม และเรียกคะแนนนิยมให้กับตนเอง”
ในการรักษาอำนาจของสมเด็จฮุน เซน คือ การสร้างความหวาดกลัว และปลุกกระแสชาตินิยมให้กับประชาชน ซึ่งมักจะถูกนำมาใช้ในทุกการเลือกตั้ง หรือกรณีพวกเขาเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง
กลยุทธ์ส่งแม่บ้านขึ้นมาร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมือนธม ก็เป็นตีโต้ฝ่ายค้าน(นอกประเทศ)ที่กำลังปั่นกระแสทวงคืนเกาะกูด
รวมถึงการเคลื่อนกำลังพลจำนวนมากประชิดพรมแดนไทย ด้านช่องบก จ.อุบลราชธานี พร้อมการขุดคูเลต สร้างที่มั่นบนพื้นที่อ้างสิทธิรอยต่อ 3 ประเทศ
ชั่วโมงนี้ ไฟชาตินิยมกำลังลุกฮือ ทั้งไทย-กัมพูชา สมฤทธิ์ ลือชัย นักวิชาการอิสระ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอุษาคเนย์ ได้ให้แง่คิดที่น่าสนใจว่า
“...เรากับประเทศเพื่อนบ้าน ยังติดกับดักเรื่องเขตแดน และแผนที่ และมักใช้เรื่องนี้มาหาประโยชน์ทางการเมือง ไม่ว่าไทยหรือเขมร เราต้องไม่ลืมว่า เขตแดน และแผนที่เป็นสิ่งสมมติ และไม่มีชีวิต”
ปมพิพาทไทย-กัมพูชา ก็มาจากกับดักเรื่องเขตแดน และแผนที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายรัฐบาลแพทองธาร เพราะทหารกองทัพภาคที่ 2 จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







