การเมืองระทึก ศึกรอบทิศ  ‘เพื่อนบ้าน’รุก ลองของ

การเมืองระทึก ศึกรอบทิศ   ‘เพื่อนบ้าน’รุก ลองของ

เสถียรภาพรัฐบาลไทย เผชิญปัญหาการเมืองภายใน พรรคร่วมรัฐบาลขาดเอกภาพ จนไม่สามารถแท็กทีมเสริมความแข็งแกร่งให้ “นายกฯเจน Y” เพื่อนบ้านพร้อมใจกันรุกราน 

KEY

POINTS

  • ทักษิณ ชินวัตร ประกาศ เป็นศัตรูและหมายหัว“ว้าแดง” หากเมียนมาจัดการไม่ได้ จะขอลงมือเอง
  • ปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่ง จ.ตาก และ จ.กาญจนบุรี ที่สะสมมายาวนาน เครื่องบินรบ โดรน บินว่อนทิ้งระเบิดเฉียดชายแดนไทย
  • ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มคุกรุ่น ตั้งแต่ ทักษิณ เร่งกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา
  1. 3จชต. ติดมาเลเซีย ปะทุอีกรอบ ปัจจัยหนึ่งการลงพื้นที่ ของ ทักษิณในรอบ 20 ปี หลังเหตุการณ์ตากใบ

เพียง 9 เดือนเศษเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “แพทองธาร ชินวัตร” กลับต้องเผชิญปัญหาชายแดนรอบด้าน ท่ามกลางข้อสังเกตว่ารัฐบาลอ่อนแอ ขัดแย้งกันเองภายใน ส่งผลให้เพื่อนบ้านไร้ความยำเกรง

นับตั้งแต่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ประกาศกร้าว บนเวทีหาเสียงการเมืองเมื่อปีที่แล้ว “ให้ไปบอกพ่อค้ายา ว่าทักษิณกลับมาแล้ว” หลัง รัฐบาลแพทองธาร ยกเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ

แน่นอนว่า แหล่งผลิตยาเสพที่ใหญ่ที่สุด อยู่ตรงข้ามจังหวัดภาคเหนือไทย ทะลักตามแนวชายแดน เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เข้าพื้นที่ตอนใน โดย กทม.และจังหวัดปริมณฑล เป็นแหล่งพักคอย ก่อนลำเลียงสู่พื้นที่ภาคใต้ของไทย

เป้าหมายของ “รัฐบาลแพทองธาร” ไม่เพียงแต่กวาดล้างยาเสพติดภายในประเทศให้หมดสิ้นไปเท่านั้น แต่ยังมุ่งหวังทลายแหล่งผลิตซึ่งมีที่ตั้งพื้นที่ชนกลุ่มน้อย ประเทศเมียนมา โดยอาศัยความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน

จุดชนวน "ชายแดนไทย-เมียนมา"พื้นที่อิทธิพลกลุ่มว้าแดงปะทุ เพราะนอกจากถูกครหาเป็นที่ตั้งแหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ และยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่พิพาท ที่ยังปักปันเขตแดนไม่แล้วเสร็จ ส่งผลให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งกับทหารไทย หลังพบข้อมูลกองกำลังกลุ่มว้า รุกล้ำพื้นที่ไทยหลายจุด และเสี่ยงเกิดการปะทะ

 "กองทัพบก” กางแผนที่ที่ตั้งฐานกองกำลังว้าแดงตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ให้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้ให้เห็นเส้นเขตแดนที่ต่างอ้างสิทธิ์ทับซ้อน พร้อมทั้งประเมินศักยภาพ “กองกำลังว้าแดง” ที่พัฒนามาตามลำดับ 

โดยเฉพาะยุทโธปกรณ์ มีโดรนติดอาวุธ อาวุธต่อต้านอากาศยาน แม้แต่ฐานปฏิบัติการมีการเจาะอุโมงค์ขนาดใหญ่ เป็นที่อยู่ของกองกำลัง ป้องกันกรณีฐานถูกถล่มด้วยปืนใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่า หากถูกโจมตีจะไม่ทะลุถึงอุโมงค์ดังกล่าว

จะว่าไปแล้ว ในจำนวนกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา “ว้าแดง”ถูกจัดเป็นกองกำลังเข้มแข็งมากที่สุด เป็นที่เกรงขามของกลุ่มชาติพันธ์ุที่ยืนฝั่งตรงข้าม เพราะมีวิธีการรบแบบกองโจร

ปัจจุบันกองทัพบกไทย โดยกองทัพภาคที่ 3 ยังคงใช้ความสัมพันธ์ระดับพื้นที่เจรจากับ"ผู้นำกลุ่มว้า" ให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่หากมีการรุกล้ำพื้นที่ ให้ใช้วิธีประท้วง กดดันให้อีกฝ่ายถอยร่น เหมือนที่เคยปฏิบัติมากว่า 30 ปี

ทว่า การประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้นของ “ทักษิณ ชินวัตร” ในเวทีปาฐกถาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ลั่นว่า จะเป็นศัตรูและหมายหัว“ว้าแดง” หากเมียนมาจัดการไม่ได้ จะขอลงมือเอง

ท่ามกลางการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดของกองทัพ จึงมีความหวาดหวั่นว่า ชายแดนไทย-เมียนมา พื้นที่อิทธิพลของกลุ่มว้าแดง อาจปะทุได้ทุกเมื่อ

สอดรับ ปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่ง จ.ตาก และ จ.กาญจนบุรี ที่สะสมมายาวนาน การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับชนกลุ่มน้อยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งเครื่องบินรบ โดรน บินว่อนทิ้งระเบิดเฉียดชายแดนไทย

เครื่องบิน F-16 กองทัพอากาศไทย จึงบินขึ้นข่มขวัญ เพื่อป้องปรามครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมรักษาอธิปไตยน่านฟ้า สร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนตามแนวชายแดน

สดๆ ร้อนๆ ชายแดนไทย-กัมพูชา ใครจะคาดคิดว่า จะเกิดการปะทะของกองกำลังทั้งสองฝ่ายในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ในห้วง รัฐบาลแพทองธาร” และตระกูลชินวัตร มีความใกล้ชิดกับ“รัฐบาลกัมพูชา”หยั่งลึกไปถึงเครือญาติ รวมถึงความสัมพันธ์อันดีของ 2 นายกฯ ไปจนถึงระดับรัฐบาล และอดีตนายกฯ “ทักษิณ-ฮุนเซน”

ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มคุกรุ่น หลัง “ทักษิณ” ชี้เป้าตึก 25 ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เป็น ที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกดูดเงินคนไทย ตั้งเป้ากวาดล้างถึงระดับต้นตอ

ประจวบเหมาะกับ กองทัพกัมพูชา สะสมอาวุธต่อเนื่อง โดยในห้วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการเพิ่มกำลังพล และได้รับยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ จากประเทศมหาอำนาจจำนวนมาก จนเกิดความมั่นใจว่า มีศักยภาพมากพอจะต่อกรกับชาติใดก็ได้ จึงเป็นที่มาคำว่า “อยากลองของ”

สำหรับอาวุธใหม่กองทัพกัมพูชา เช่น ปืนใหญ่อัตตาจร SH-1 ระยะยิง 30-53 กิโลเมตร และสามารถยิงกระสุนนำวิถีด้วยเลเซอร์ได้

จรวดหลายลำกล้อง Type 90B/RM-70/BM-21 มีระยะยิง 20-40 กิโลเมตร

จรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ระยะยิง 70-130 กิโลเมตร

จรวดต่อสู้อากาศยาน KS-1C ระยะยิง 70 กิโลเมตร

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกำลังรบไทยกับกัมพูชา วัดจากการสู้รบเมื่อปี 2554 พบว่า ในขณะนั้นกำลังรบไทย 1 กัมพูชา 0.3 แต่ปัจจุบันกำลังรบไทย 1 กัมพูชา 0.8-0.9

ส่วนอาวุธสำรอง หมายความว่า จะสามารถรบได้กี่วัน ต้องมีกระสุนเท่าไหร่ โดยการสู้รบปี 2554 ทหารไทยใช้เวลารบกับทหารกัมพูชา 10 วัน จนล่าถอย แต่ปัจจุบันทหารไทยอาจต้องใช้เวลา 20 วัน และต้องระดมกำลังรบเป็น 3 เท่าของปี 2554

ขณะที่สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ติดประเทศมาเลเซีย เกิดปะทุอีกรอบ แม้จะมีมูลเหตุหลายปัจจัย แต่ส่วนหนึ่งการลงพื้นที่ ของ"ทักษิณ"ในรอบ 20 ปี หลังเหตุการณ์ตากใบ พบปะผู้นำศาสนาไทยพุทธ-มุสลิม และขออภัยกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา

รวมถึงกรณีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง คดีตากใบ และหนึ่งในนั้น มี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รุ่นพี่เตรียมทหาร“ทักษิณ” หนีหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาส จนคดีสิ้นสุดอายุความ

ทว่า เชื้อไฟสำคัญคือ การพบปะระหว่าง "ทักษิณ-อันวาร์ อิบราฮิม" นายกฯมาเลเซีย ที่ขอความร่วมมือแก้ปัญหาไฟใต้ จึงเชื่อกันว่า"กลุ่มต่อต้านอันวาร์"ที่สนับสนุนกลุ่มบีอาร์เอ็นไม่พอใจ จึงเป็นที่มาการก่อเหตุปลายด้ามขวานไทย

รวมถึงการพูดคุยสันติสุขชายแดนภาคใต้ที่ไม่มีความคืบหน้า หลัง “ภูมิธรรม เวชยชัย” ขอเปลี่ยนยุทธศาสตร์ หาตัวแทนบีอาร์เอ็นใหม่ที่สามารถควบคุมระดับปฏิบัติการในพื้นที่ได้

"ปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา เกิดขึ้นก็ต้องแก้ ขณะนี้มีปัญหาหลายอย่างก็จริง รวมถึงปัญหาวิกฤตการณ์ของโลก แต่อย่าไปกังวล เพราะคนเลือกเข้ามาแก้ปัญหา ขอให้ประชาชนสบายใจ เราหลีกเลี่ยงการปะทะ รัฐบาลสองประเทศคุยกันอยู่ในจุดยืนเดิม การตีเรื่องเขตแดนเป็นของใคร เกิดขึ้นตลอด"

"เรื่องเขตแดนทั่วโลกก็ไม่มีใครคุยจบ จึงต้องหาจุดที่ 2 ฝ่ายยอมรับได้ แต่แนวโน้มที่ดีของโลก คือ การหาแนวทางแก้ไขโดยสันติวิธี ไม่ว่าจะเป็นข้อเรียกร้ององค์ระหว่างประเทศ ส่วนใหญ่ก็ให้ใช้ความอดทนอดกลั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเรากลัว หรืออ่อนแอ แต่เราไม่อยากให้เกิด เพราะสงครามไม่ดีกับใครสักฝ่าย ผู้ที่ได้รับผลกระทบคือประชาชน" ภูมิธรรม ตอบข้อซักถามถึงสาเหตุที่ประเทศเพื่อนบ้านไม่ยำเกรง

 เสถียรภาพรัฐบาลไทยในเวลานี้ เผชิญปัญหาการเมืองภายใน พรรคร่วมรัฐบาลขาดเอกภาพ จนไม่สามารถแท็กทีมเสริมความแข็งแกร่งให้ “นายกฯเจน Y” ได้ อาจสะท้อนถึงความอ่อนแอ จนส่งผลถึงภัยความมั่นคง ที่เพื่อนบ้านพร้อมใจกันรุกราน